รมว.สธ. มอบหมายปลัด สธ. ลงพื้นที่ภูเก็ต สนับสนุนการค้นหาและดูแลผู้ประสบภัยเรือล่ม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามระบบการดูแลรักษาโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต สนับสนุนการค้นหาผู้ประสบภัยจากเรือล่มที่ภูเก็ตอย่างเต็มที่ และเตรียมพร้อมดูแลรับส่งต่อผู้ป่วยหนัก เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 49 คน ยังคงนอนรักษาในโรงพยาบาล 11 คน ในจำนวนนี้ อยู่ที่ไอซียูโรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต 1 คน

ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการดูแลผู้ประสบภัยจากเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ในวันนี้ (6 กรกฎาคม 2561) ได้ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามระบบการดูแลรักษาส่งต่อของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และให้การสนับสนุนการค้นหาผู้ประสบภัยจากเรือล่มที่ภูเก็ตอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้เรือรบหลวงหัวหินยังคงค้นหาผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยจัดแพทย์ พยาบาล รถพยาบาลฉุกเฉินไปร่วมทีมสนับสนุนทีมค้นหาของจังหวัดภูเก็ต ที่ศูนย์บัญชาการท่าเรืออ่าวฉลอง  และเตรียมพร้อมให้การดูแลรักษารับส่งต่อผู้ป่วยหนัก

ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกลกล่าวต่อว่า ได้รับรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ณ 08.00 น. สรุปสถานการณ์และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น เรือฟีนิกซ์สามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและลูกเรือได้ 48 คน จากผู้โดยสารรวม 105 คน เรือเซเรเนต้า ช่วยเหลือได้ 40 คน ยังคงสูญหายอีก 2 คน และเรือเจ็ตสกีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย 2 คนได้รับการช่วยเหลือจากเรือประมงปลอดภัยแล้ว ขณะนี้กำลังค้นหานักท่องเที่ยวที่เหลืออีก 58 คน และมีรายงานพบผู้เสียชีวิตสวมเสื้อชูชีพ tc ไดร์ฟวิ่ง จำนวน 1 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต

สำหรับผู้บาดเจ็บที่เข้ารักษามีทั้งหมด 49 คน ใน 4 โรงพยาบาล คือที่โรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต 36 คน รับไว้นอนรักษาในโรงพยาบาล 11 คน ในจำนวนนี้ มีอาการหนักอยู่ในห้องไอซียู 1 คน เป็นผู้ป่วยหญิงชาวจีน และกลับที่พักแล้ว 25 คน ส่วนที่โรงพยาบาลมิชชั่น 4 คน โรงพยาบาลกรุงเทพ 6 คน และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 3 คน บาดเจ็บเล็กน้อย เช่น แผลถลอก กลับที่พักทั้งหมดแล้ว

ล่าสุดเวลา 11.03 น. ได้รับรายงานจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ว่า พบผู้รอดชีวิต 1 รายบริเวณเกาะไม้ท่อน โดยเรือ ต.232 และพบ 12 ศพกำลังนำไปที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ต่อไป