รมต.เทวัญฯ ตรวจเยี่ยมชม งานแสดงสินค้ามหกรรมยานยนต์ Motor Expo 2019

วันศุกร์ที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๑.๓๐ น. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นประธานการประชุมหารือ และตรวจเยี่ยมชมงานแสดงสินค้ามหกรรมยานยนต์ Motor Expo 2019 ครั้งที่ ๓๖ ณ Challenger ๑-๓ MPACT เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี เพื่อรับฟังความเห็นและทำความเข้าใจให้ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ดำเนินการให้ถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมาย ในทุกปีภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยจะมีการจัดงานแสดงมหกรรมยานยนต์ Motor Expo เพื่อแสดงและจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งปรากฏว่ามีผู้บริโภคร้องทุกข์มายัง สคบ. เกี่ยวกับการไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการทำสัญญา และผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด สคบ.จึงดำเนินการบูรณาการเพื่อป้องปรามการละเมิดสิทธิและคุ้มครองผู้บริโภค ให้ได้รับความเป็นธรรมจากการทำสัญญาจอง สัญญาซื้อขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์
………………………………………………..
ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

รถยนต์ใหม่ ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจขายรถยนต์ที่มีการจองเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. ๒๕๕๑

รถยนต์ใช้แล้ว
๑. ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ ๓๕ (พ.ศ. ๒๕๕๖) เรื่อง ให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก
๒. ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการขายรถยนต์ใช้แล้ว เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. ๒๕๖๒

รถจักรยานยนต์ ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ ๒๐ (พ.ศ. ๒๕๔๙) เรื่อง ให้รถจักรยานยนต์เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก

พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค มาตรา ๕๒ ผู้ใดขายสินค้าที่ควบคุมฉลากตามมาตรา ๓๐ โดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลาก หรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง หรือขายสินค้าที่มีฉลากที่คณะกรรมการว่าด้วยฉลากสั่งเลิกใช้ ตามมาตรา ๓๓ ทั้งนี้ โดยรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าการไม่มีฉลากหรือการแสดงฉลากดังกล่าวนั้น ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๕๗ ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดไม่ส่งมอบสัญญาที่มีข้อสัญญาหรือมีข้อสัญญาและแบบถูกต้อง หรือไม่ส่งมอบหลักฐานการรับเงินที่มีรายการและข้อความถูกต้องให้แก่ผู้บริโภคภายในระยะเวลา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดส่งมอบหลักฐานการรับเงิน โดยลงจำนวนเงินมากกว่าที่ผู้บริโภคจะต้องชำระและได้รับเงินจำนวนนั้นไปจากผู้บริโภคแล้ว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวัง ตามสมควรในการประกอบธุรกิจเช่นนั้นแล้ว

…………………………………