อภัยภูเบศร ถือฤกษ์ครบรอบ 77 ปีสถาปนาโรงพยาบาล เปิดศูนย์หัวใจ สานต่อโครงการ “ก้าวคนละก้าว” พร้อมแนะใช้สมุนไพรไทยรักษาโรคหัวใจ

ในโอกาสครบรอบ วันสถาปนา 77 ปีโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรปีนี มีการจัดกิจกรรมพิเศษ ภายใต้ชื่องาน “รักษ์หัวใจ อภัยภูเบศร” เพื่อผู้ป่วยและผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และเป็นการสานต่อโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ที่บริจาคเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และจัดทำห้องสวนหัวใจจนแล้วเสร็จและได้เปิดศูนย์หัวใจอย่างเป็นทางการ

นายแพทย์นำพล แดนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า จากข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขในช่วงปี 2555-2558 พบอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปี 2558 พบอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ย ชั่วโมงละ 2 คน สะท้อนให้เห็นว่าปัจจุบันโรคหัวใจกำลังเป็นภัยคุกคามต่อคุณภาพชีวิตของประชากรทั่วโลก และต้องได้รับการดูแล คำแนะนำในการป้องกันและรักษา โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง รวมถึงผู้มีภาวะอ้วนและผู้ที่สูบบุหรี่

สำหรับโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรนั้น นายแพทย์นำพล กล่าวว่า มีข้อมูลพบผู้ป่วยในกลุ่มโรคหลอดเลือดหัวใจจำนวนมาก แต่เดิมยังไม่มีการบริการรักษาที่ครอบคลุมเนื่องจากขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เอื้ออำนวย ทางโรงพยาบาลจึงได้จัดทำศูนย์โรคหัวใจขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าว และยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณเงินบริจาค จากโครงการก้าวคนละก้าว เป็นจำนวนเงิน 91 ล้านบาท เพื่อนำมาซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และจัดทำห้องสวนหัวใจจนแล้วเสร็จ จึงได้ทำการเปิดศูนย์หัวใจอย่างเป็นทางการ เนื่องในวันครบรอบ 77 ปีของโรงพยาบาล

ด้านของการใช้สมุนไพรใกล้ตัวเพื่อการพึ่งตนเอง ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม เปิดเผยว่า โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรมีการส่งเสริมการเรียนรู้ภาคประชาชนเพื่อการพึ่งตนเอง ลดโอกาสการเจ็บป่วยในกลุ่มโรคหลอดเลือกหัวใจ ด้วยสมุนไพรพื้นบ้านหลายชนิด ที่มีการใช้มานานและได้รับการยอมรับด้วยงานวิจัยเช่น “กระเทียม” ในกระเทียมมีสารอัลลิซินที่ช่วยลดไขมันเลวในเลือดและลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของหัวใจโดยตรง “ดอกคำฝอย” มีสารสีเหลืองส้ม คนโบราณใช้ในการแต่งสีอาหาร โดยการนำกลีบดอกมาแช่น้ำร้อน ซึ่งสารนั้นมีชื่อว่า Carthamin และ Sufflower yellow อีกทั้งในเมล็ดดอกคำฝอยยังมีน้ำมันระเหย เรียกว่าน้ำมันเมล็ดดอกคำฝอย มีส่วนประกอบของกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวหลายชนิด มีผลลดระดับโคเลสเตอรอลไขมันตัวร้าย(LDL) และป้องกันการอุดตันของไขมันในเลือด รวมทั้งมีผลในการป้องกันโรคหัวใจได้ด้วย
“ขิง” มีการศึกษาหนึ่งของต่างประเทศพบว่า การรับประทานขิงแคปซูลวันละ 3 กรัมต่อวัน โดยแบ่งให้วันละ 3 เวลา เป็นเวลา 45 วัน สามารถลดระดับไขมันโคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ นอกจากนี้ขิงยังมีป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดได้ “บัวหลวง” จากการศึกษาพบว่าสารสกัดใบบัวหลวงมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตแบบเฉียบพลันได้ และยังมีฤทธิ์เร่งการทำงานของหัวใจโดยเพิ่มอัตราการเต้นและมีผลต่อการเกิดไฟฟ้าของหัวใจ โดยสารสกัดใบบัวหลวงน่าจะออกฤทธิ์ผ่านทาง b-adrenergic receptors “น้ำมันรำข้าว” เป็นอีกตัวที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจได้ มีงานวิจัยยืนยันมากมายว่า ช่วยลดไขมันเลือดได้ ทั้งโคเลสเตอรอล ไขมันตัวร้าย ไขมันไตรกลีเซอรไรด์ ช่วยลดการดูดซึมไขมันและเพิ่มการกำจัดไขมัน นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มไขมันตัวดี ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเกิดดังกล่าว

ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากการใช้สมุนไพรเป็นทางเลือกแล้ว การรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย งดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นับเป็นสิ่งจำเป็น ที่จะช่วยให้ห่างไกลความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ ประชาชนที่สนใจสอบถามปรึกษาหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ 037-211289 ในวันเวลาราชการ หรือไปพบกันได้ในงานมหกรมสมุนไพรแห่งชาติ 18-21 กรกฎาคม นี้ ที่อิมแพคชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี