ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงสูงสุดที่ผ่านมารายภาค มีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณ จ.สตูล (264) จ.เชียงราย (137) จ.นครพนม (80) จ.ลพบุรี (51) จ.จันทบุรี (42) และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ (24)
ปริมาตรแหล่งน้ำทุกขนาด 43,736 ล้าน ลบ.ม. (53%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 39,036 ล้าน ลบ.ม. (54%)
คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมขัง น้ำหลาก ดินโคลนถล่ม และคลื่นลมในทะเล ช่วงวันที่ 11-16 สิงหาคม 2566 ในพื้นที่อำเภอต่างๆในจังหวัดพังงา พบว่าเกิดดินสไลด์ กีดขวางเส้นทางจราจร ถนนสายเมืองพังงา-กะปง พื้นที่ หมู่ที่ 1 ตำบลทุ่งคาโงก อำเภอเมืองพังงา ทั้งนี้ ได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่รวมถึงแขวงทางหลวงพังงาให้เข้าดำเนินการปรับปรุงเส้นทางจราจรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กอนช. ประกาศ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ฉบับที่ 14/2566 ในช่วงวันที่ 12-18 ส.ค. 66 ดังนี้ ภาคเหนือ จ.เชียงราย เชียงใหม่ ตาก และน่าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.หนองคาย บึงกาฬ นครพนม และสกลนคร ภาคตะวันออก จ.ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต สตูล และตรัง
กอนช. ติดตามหน่วยงานบริหารจัดการน้ำตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝน 2566
จากปรากฎการณ์เอลนีโญในปัจจุบัน ส่งผลให้มีปริมาณฝนตกน้อยกว่าค่าปกติ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆลดลง กระทบต่อปริมาณน้ำในภาพรวมโดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา นั้น กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยกำหนดแผนจัดสรรน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 จนถึง 31 ตุลาคม 2566 จำนวนรวมทั้งสิ้น 5,500 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมวางแผนการเพาะปลูกข้าวนาปี 8.05 ล้านไร่ จากข้อมูล ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2566 สถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำใช้การรวมกันทั้งสิ้น 2,974 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์น้อยมาก มีการจัดสรรน้ำไปแล้วรวม 4,525 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่เพาะปลูกไปแล้วประมาณ 7.15 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 0.30 ล้านไร่
ปัจจุบัน ปริมาณฝนสะสมมีปริมาณฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยประกอบกับปรากฏการณ์เอนโซที่อยู่ในสภาวะเอลนีโญกำลังอ่อน มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้นจะส่งผลให้เมื่อสิ้นสุดฤดูฝนปีนี้ 4 เขื่อนหลัก จะมีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันอยู่ในเกณฑ์ที่น้อยมาก เพียงพอเฉพาะการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศเท่านั้น ดังนั้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย จึงต้องประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือเกษตรกรที่ได้ทำการเพาะปลูกข้าวนาปีรอบแรกและเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ งดเพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นไปตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติกำหนด เพื่อรองรับสถานการณ์น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด