กรมทรัพย์สินทางปัญญา สานต่อความร่วมมือ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต หนุนศักยภาพวัตถุดิบ GI ไทย ในหลักสูตรอาหารระดับพรีเมียม ผสานอัตลักษณ์พื้นถิ่นสู่วงการอาหารนานาชาติได้อย่างลงตัว

​อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา พบหารือผู้บริหารสถาบันสอนทำอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ด้านการผลักดันศักยภาพของวัตถุดิบไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications: GI) ตลอดจนหารือแนวทางความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาศิลปะอาหารและการสร้างคุณค่าให้แก่ชุมชนผู้ผลิตไทย สนองต่อนโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ความสำคัญกับการเสริมแกร่งผู้ประกอบการไทยด้วยทรัพย์สินทางปัญญา

​นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า รากฐานสำคัญของการสร้าง Quick Big Win ทางเศรษฐกิจ คือการเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้เข้มแข็งและแข่งขันได้อย่างยั่งยืนแม้ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน โดยแนวนโยบายที่กรมฯ ได้รับมอบหมายจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางศุภจี สุธรรมพันธุ์) คือการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เป็นกลไกช่วยผู้ประกอบการท้องถิ่นยกระดับคุณค่าของผลผลิตที่มี ต่อยอดสร้างแบรนด์ของชุมชน และสามารถเข้าถึงตลาดผู้บริโภคคุณภาพทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ กรมฯ จึงมุ่งมั่นส่งเสริมสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น ผ่านการขึ้นทะเบียน GI ควบคู่กับการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มในมิติต่างๆ อย่างครบวงจร ทั้งการควบคุมคุณภาพ พัฒนาผลิตภัณฑ์ และขยายช่องทางการตลาด ตลอดจนเชื่อมโยงสินค้า GI ไทยเข้ากับอุตสาหกรรมใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมอาหารในระดับสากล โดยล่าสุด กรมฯ ได้หารือกับสถาบัน เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ซึ่งเป็นสถาบันสอนทำอาหารที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงจากประเทศฝรั่งเศส เพื่อสานต่อความร่วมมือในการยกระดับวัตถุดิบ GI ไทยสู่วงการอาหารระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้เปิดตัววัตถุดิบ GI ถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน พริกไทยตรัง รวมถึงข้าวและผลไม้ GI ไทยอีกหลายรายการในหลักสูตรศิลปะการประกอบอาหารจากพืช (Plant-Based Culinary Arts) ของสถาบัน เมื่อช่วงกลางปี 2568 ที่ผ่านมา

​จากการหารือครั้งนี้ ผู้บริหารของสถาบัน เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต นำโดยคุณเจเรมี โลร็องต์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการร่วมค้า และคุณสุชาดา สถาปิตานนท์ ครูใหญ่ของสถาบัน ได้ให้ความสนใจที่จะบูรณาการวัตถุดิบ GI ไทยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนในทุกหลักสูตรของสถาบัน ไม่จำกัดแค่เฉพาะหลักสูตรอาหารไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหลักสูตรอาหารนานาชาติ หลักสูตรด้านศิลปะอาหารและการทำขนมประเภทต่างๆ โดยจะมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ไปพร้อมกับการฝึกประสบการณ์จริง เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนเชฟจากทั่วโลก ซึ่งเป็นบุคลากรสำคัญในแวดวงอาหารทั้งในและต่างประเทศ ได้สัมผัสถึงคุณภาพวัตถุดิบ GI ไทย และเกิดแรงบันดาลใจในการต่อยอดสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ที่ผสมผสานอัตลักษณ์ของวัตถุดิบจากหลากหลายวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ สถาบัน เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ยังได้เชิญกรมฯ ร่วมเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับ GI ไทย ผ่านกิจกรรมต่างๆ ของสถาบัน อาทิ กิจกรรม Open House บอกเล่าเรื่องราววัตถุดิบ GI กิจกรรมเวิร์กช็อปอาหารไทยสมัยใหม่และการนำวัตถุดิบ GI ไปใช้รังสรรค์เมนูอาหารระดับ Fine Dining ซึ่งจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์สินค้า GI ไทย สร้างคุณค่าให้กับชุมชนผู้ผลิต และขยายโอกาสสู่ตลาดสากลได้อย่างแท้จริง

​ทั้งนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญายินดีและพร้อมให้ความร่วมมือกับสถาบัน เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ตามแนวทางที่ได้หารือ โดยกรมฯ มีผู้ประกอบการ GI ที่มีศักยภาพ และมีสินค้า GI ที่มีคุณภาพและมีความพร้อมที่จะส่งให้สถาบัน เลอ กอร์ดอง เบลอ ใช้เป็นวัตถุดิบในหลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งปัจจุบันสินค้าไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI มีทั้งสิ้น 246 รายการ ในจำนวนนี้เป็นสินค้าในกลุ่มอาหารและผลิตผลทางการเกษตรกว่า 200 รายการ หรือคิดเป็น 82% ของสินค้า GI ไทยทั้งหมด ล้วนเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
อันเกิดจากปัจจัยด้านภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และภูมิปัญญาการผลิตที่สืบทอดกันมายาวนาน ส่งผลให้สินค้า GI ไทยมีคุณภาพโดดเด่นและมีศักยภาพที่จะนำไปต่อยอดได้หลายมิติ ทั้งการพัฒนาเมนูอาหาร การออกแบบหลักสูตร ด้านศิลปะอาหาร รวมถึงการสร้างสรรค์กิจกรรมหรือผลิตภัณฑ์ที่เน้นคุณค่าของวัตถุดิบไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ กรมฯ ยังได้เชิญชวนสถาบันเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ร่วมจัดกิจกรรมสาธิตการทำอาหาร (Cooking Show) ในบูธ GI Pavilion ในงาน THAIFEX–Anuga Asia ปีถัดไป เพื่อร่วมถ่ายทอดศักยภาพวัตถุดิบ GI ไทยสู่สายตาผู้ประกอบการ ผู้ค้า และผู้เข้าชมงานจากนานาประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตต่อเนื่อง จากเดิมที่สินค้า GI ไทยทั้ง 246 รายการ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไปแล้วกว่า 114,359 ล้านบาทต่อปี

​อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวทิ้งท้ายว่า ความร่วมมือกับสถาบันเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านอาหารเข้ากับคุณค่าของสินค้า GI ไทย ซึ่งมีศักยภาพสูงในการสร้างมูลค่าและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างมาก โดยกรมฯ เชื่อมั่นว่าการดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือนี้จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม และช่วยเสริมความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศในระยะยาว