บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด และ กรมส่งเสริมการเกษตร ประกาศผลทีมผู้ชนะ 4 ทีม 4 ภาคทั่วไทย ที่คว้ารางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯ จากผู้เข้าแข่งขัน 20 ทีมสุดท้าย ในศึกการแข่งขันสุดยอดนักพัฒนาแปลงเพาะปลูกข้าวลดโลกร้อน ด้วยนวัตกรรมบันทึกปฏิทินการเพาะปลูก “KAS Crop Calendar On LINE” ในโครงการ “คูโบต้า กล้า ท้า ปลูก” ปี 2 ตอน นารักษ์โลก ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่า 1,000,000 บาท เวทีเดียวของไทยที่มุ่งปลุกพลังเกษตรกรรุ่นใหม่ สู่การทำเกษตรแม่นยำด้วยโซลูชัน ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต สร้างรายได้ ในรูปแบบเพื่อนคู่ใจเกษตรกรที่สามารถบันทึกข้อมูลทุกขั้นตอนตลอดกระบวนการเพาะปลูก เพื่อมุ่งยกระดับวิถีเกษตรไทยสู่ Smart Farming
นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า การทำเกษตรแม่นยำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเกษตรยุคใหม่ เราจึงได้นำความท้าทายและอุปสรรคที่เกษตรกรต้องเผชิญในชีวิตจริง มาศึกษา พัฒนา ต่อยอดเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำเกษตรมีความราบรื่นยิ่งขึ้น ได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ลดต้นทุน และสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ตลอดกว่า 47 ปีที่สยามคูโบต้ามุ่งมั่นส่งเสริมการทำเกษตรอัจฉริยะหรือ Smart Farming ผ่านเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรและนวัตกรรมเกษตรของคูโบต้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่สยามคูโบต้าส่งเสริมให้แก่เกษตรกรคือ การใช้บันทึกปฏิทินการเพาะปลูก KAS Crop Calendar On LINE ที่สามารถบันทึกข้อมูลตลอดการเพาะปลูก ให้เกษตรกรเห็นภาพรวมและจัดการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยคำนวณสรุปรายรับรายจ่ายในรูปแบบเฉพาะของตัวเอง
ซึ่งในปีนี้ สยามคูโบต้าและกรมส่งเสริมการเกษตร ได้จัดโครงการ “คูโบต้า กล้า ท้า ปลูก” ปี 2 ตอน นารักษ์โลก เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา โดยขยายผลสู่การปลูกข้าวรูปแบบทีมเพื่อสร้างเครือข่าย Smart Farmer ทั่วประเทศใน 4 ภูมิภาคของไทย ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เราได้เฟ้นหาผู้ชนะ โดยพิจารณาถึงการลงข้อมูลบันทึกปฏิทินการเพาะปลูก การนำเสนอและจัดทำแผนธุรกิจ การนำองค์ความรู้ด้านการทำนารักษ์โลก หรือการทำนาลดโลกร้อน ซึ่งเป็นการทำเกษตรคาร์บอนต่ำด้วยการทำนาเปียกสลับแห้งเพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากน้ำขังในนาไปปรับใช้ รวมถึงประสิทธิภาพในการผลิตข้าว ตลอดจนการให้ความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของทีม จนได้ผู้ชนะ 4 ทีมจาก 4 ภาคทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะในครั้งนี้ สยามคูโบต้าขอแสดงความยินดีและหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการนี้จะเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรได้เห็นความสำคัญของการใช้เครื่องมือจดบันทึกการเพาะปลูก ตลอดจนการทำนาแบบรักษ์โลก ความสำเร็จนี้ไม่ใช่เพียงความสำเร็จของแต่ละทีม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและพลังใหม่ ๆ ของ Young Smart Farmer ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาภาคการเกษตรไทยต่อไป
นางอัญชลี สุวจิตตานนท์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ภาคการเกษตรของไทย กำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนจากการทำเกษตรแบบเดิมสู่การทำเกษตรที่ต้อง “ทันสมัย แข่งขันได้ และยั่งยืน” ซึ่งการยกระดับเกษตรกรไทยในปัจจุบันต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เกษตรสมัยใหม่อย่างเป็นรูปธรรม สำหรับความร่วมมือกับสยามคูโบต้า ในฐานะพันธมิตรสำคัญที่เชื่อมโยงองค์ความรู้ เทคโนโลยี ระบบบริหารจัดการฟาร์ม และนวัตกรรมการผลิต เพื่อสร้างระบบเกษตรที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเติบโตไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ยกระดับเกษตรกรไทยสู่เกษตรสมัยใหม่ พร้อมทั้งเปลี่ยนวิธีคิดจากการมุ่งเน้นการผลิตเพียงอย่างเดียว สู่การบริหารจัดการฟาร์มอย่างมีข้อมูล มีการวางแผนการผลิต และมีเป้าหมายทางการตลาดที่ชัดเจน

สำหรับแนวคิด “นารักษ์โลก” ถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการในปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสม การลดการเผาในพื้นที่นาการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เกษตรกรยุคใหม่ จึงต้องเป็นมากกว่าผู้ผลิต คือต้องเป็นผู้ประกอบการทางการเกษตร ที่เข้าใจธุรกิจของตัวเองและความต้องการของผู้บริโภค ความร่วมมือนี้ จึงเป็นกลไกสำคัญในการเปิดโอกาสให้เกษตรกรไทยเข้าถึงเทคโนโลยี นวัตกรรม องค์ความรู้ด้านการทำนารักษ์โลก และช่องทางตลาดที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกษตรกรไทยมีศักยภาพ มีความพร้อม และก้าวสู่การเป็นเกษตรกรสมัยใหม่ ที่ใส่ใจทั้งผลผลิต เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
รางวัลชนะเลิศ ถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล จำนวน 150,000 บาท/ ทีม
ภาคเหนือ ได้แก่ ทีมหนุ่มหล่อข้าวสวย จังหวัดนครสวรรค์
ภาคกลาง ได้แก่ ทีมนาบุญ จังหวัดนครปฐม
ภาคตะวันออกเหนือ ได้แก่ ทีมเกษตรอินทรีย์บ้านคำเผือ จังหวัดศรีสะเกษ
ภาคใต้ ได้แก่ ทีมแปลงใหญ่ข้าวเชิงแส จังหวัดสงขลา
รางวัลรองชนะเลิศ เงินรางวัล จำนวน 50,000 บาท/ ทีม ภาคละ 2 รางวัล
ภาคเหนือ ได้แก่
• ทีมข้าวน้ำจำพะเยา จังหวัดพะเยา
• ทีมเกษตรอินทรีย์ PGS อ.ขาณุฯ จังหวัดกำแพงเพชร
ภาคกลาง ได้แก่
• ทีม Rice Sara D (ไรซ์สาระดี) จังหวัดนครปฐม
• ทีมข้าวเพลินนา จังหวัดกาญจนบุรี
ภาคตะวันออกเหนือ ได้แก่
• ทีมกลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านลิ่มทอง จังหวัดบุรีรัมย์
• ทีมดอนยานาง โมเดล จังหวัดร้อยเอ็ด
ภาคใต้ ได้แก่
• ทีมชุมพร No.1 จังหวัดชุมพร
• ทีมใจใฝ่เกษตร จังหวัดตรัง








