เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 ณ กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิคนพิการของประเทศไทย ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐภาคี ครั้งที่ 22 (22nd Meeting of the States Parties: 22MSP) ของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention – APMBC) พร้อมกล่าวถ้อยแถลงในวาระที่ 9 ด้าน “การช่วยเหลือผู้ประสบภัย (Victim Assistance)” เพื่อสะท้อนความก้าวหน้าและทิศทางการดำเนินงานของประเทศไทย โดยได้ชื่นชมคณะกรรมการด้าน victim assistance และย้ำบทบาทไทยในอนุสัญญาฯ
ทั้งนี้ กระทรวง พม. โดย พก. ในนามคณะผู้แทนประเทศไทย แสดงความชื่นชมต่อประเทศบูร์กินาฟาโซ ในฐานะประธานคณะกรรมการด้าน Victim Assistance ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันสิทธิ ศักดิ์ศรี และคุณภาพชีวิตของผู้ประสบภัยทุ่นระเบิดและชุมชนที่ได้รับผลกระทบทั่วโลก โดยประเทศไทยรายงานว่า จำนวนผู้ประสบภัยทุ่นระเบิดในไทยลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2025 สะท้อนผลลัพธ์ของมาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ และระบบการช่วยเหลือที่ครอบคลุมทุกระยะ ทั้งระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว ในระยะเร่งด่วน ทีมเฉพาะทางลงพื้นที่เพื่อสำรวจ ให้สวัสดิการฉุกเฉิน จัดหาที่พักปลอดภัยผ่านกลไก One Home และสื่อสารข้อมูลในรูปแบบเข้าถึงได้สำหรับคนพิการทุกประเภท ระยะกลางเน้นการจัดหาอุปกรณ์ช่วยความพิการ การปรับสภาพบ้านเพื่อความปลอดภัย และการฟื้นฟูสมรรถภาพต่อเนื่อง ส่วนระยะยาว ครอบคลุมการติดตามรายบุคคล การส่งเสริมอาชีพผ่านศูนย์พัฒนาสมรรถภาพคนพิการ 9 แห่ง การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรายได้ รวมถึงบริการด้านผู้ช่วยคนพิการ ล่ามภาษามือ ความช่วยเหลือทางกฎหมาย และสายด่วน 1479 นอกจากนี้ ประเทศไทยยังรายงานกรณีทหารไทย 7 นาย ที่ได้รับความพิการถาวรจากทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยภาครัฐให้การฟื้นฟูและสนับสนุนระยะยาวแก่ผู้ประสบเหตุและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของแนวทางขับเคลื่อนในอนาคต ไทยให้ความสำคัญกับ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การเสริมศักยภาพบุคลากรด่านหน้าในการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินและงานฟื้นฟู การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ประสบภัยทุ่นระเบิดในทุกขั้นตอนการกำหนดนโยบาย และการพัฒนาระบบข้อมูลที่ครอบคลุมและสามารถบูรณาการระหว่างหน่วยงาน โดยให้ความสำคัญกับข้อมูลจำแนกตามเพศ อายุ และความพิการเพื่อการออกแบบนโยบายที่แม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น
นอกจากนี้ ประเทศไทยเสนอให้รัฐภาคีอนุสัญญาฯ พัฒนาระบบข้อมูลผู้ประสบภัยที่เข้าถึงได้และปลอดภัย ส่งเสริมบทบาทของผู้รอดชีวิตในนโยบายด้านคนพิการระดับประเทศ และเสริมสร้างความร่วมมือทุกระดับเพื่อให้ระบบการช่วยเหลือมีความยั่งยืนและตั้งอยู่บนหลักสิทธิมนุษยชน พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ร่วมมือกับคณะกรรมการด้าน Victim Assistance และรัฐภาคีทั้งหมด เพื่อให้ไม่มีผู้ประสบภัยคนใดถูกทิ้งไว้ข้างหลังและเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายด้านมนุษยธรรมของอนุสัญญาอย่างต่อเนื่อง







