รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยความพร้อมจัดบริการด้านการแพทย์ ดูแลนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จาก 11 ประเทศ กว่า 12,000 คน ระหว่างแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ทั้ง 3 ศูนย์แข่งขัน “กรุงเทพฯ-ชลบุรี-สงขลา” ทั้งดูแลรักษาในสถานที่แข่งขัน สถานที่พัก และพิธีเปิด-ปิด พร้อมจัดทีมส่งต่อและโรงพยาบาลรับส่งต่อ ทีมแพทย์เชี่ยวชาญระบบประสาท กระดูกและข้อ โรคหัวใจ ให้คำปรึกษา 24 ชั่วโมง รวมถึงดูแลด้านสุขอนามัยและควบคุมโรคติดต่อตลอดงาน 9-20 ธันวาคม นี้

วันที่ 3 ธันวาคม 2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อรองรับการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 ว่า ภาพรวมมีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ประมาณ 12,000 คน จาก 11 ประเทศ มีพื้นที่จัดการแข่งขัน 3 ศูนย์ คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี และสงขลา ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นคณะกรรมการสาขาแพทย์และสุขอนามัย ซึ่งได้เตรียมการด้านการแพทย์ 4 ด้าน คือ 1.การจัดบริการทางการแพทย์ โดยกรมการแพทย์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร และโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้อง จะดูแลทั้งสถานที่แข่งขันกีฬา สถานที่พัก ช่วงพิธีต่างๆ และการรับส่งต่อผู้ป่วย 2.การจัดการด้านสุขอนามัย โดยกรมอนามัย 3.การควบคุมโรคติดต่อ โดยกรมควบคุมโรค และ 4.การอำนวยความสะดวกทีมแพทย์ประจำคณะ NOC ต่างประเทศ โดยกรมการแพทย์ พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข สำหรับการจัดการแข่งขันกีฬาฯ เพื่อติดตามการดำเนินการและให้คำปรึกษาแก่ทีมปฏิบัติการ
นายพัฒนากล่าวว่า ในส่วนของการให้บริการด้านการแพทย์ แบ่งเป็น 1) สถานที่แข่งขันกีฬา จะให้การดูแลรักษานักกีฬา (โดยไม่รวมการดูแลในระหว่างการแข่งขันและการตัดสินใจกลับเข้าสู่การแข่งขัน) ผู้เข้าร่วมชมกีฬา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และรับมือกรณีอุบัติเหตุหมู่ โดยมีทีมแพทย์ประจำห้องพยาบาล 1 ทีม และทีมส่งต่อ 1 ทีมประจำทุกสถานที่จัดการแข่งขัน กรณีสถานที่จัดการแข่งขันขนาดใหญ่ จะมีทีมแพทย์ประจำ 2 ทีม และทีมส่งต่อ 2 ทีม 2) สถานที่พัก จะจัดทีมปฏิบัติการฉุกเฉินประจำทุกโซนที่พักตลอด 24 ชั่วโมง และเตรียมความพร้อมส่งต่อผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลกรณีฉุกเฉิน 3) พิธีเปิด-ปิดการแข่งขัน จะจัดทีมบริการทั้ง 3 ศูนย์การแข่งขัน และ 4) สถานพยาบาลรับส่งต่อ จะมีสัญลักษณ์บอกช่องทางเฉพาะสำหรับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ณ จุดรับผู้ป่วยบริเวณห้องฉุกเฉินและห้องตรวจ OPD มีจุดประสานและเจ้าหน้าที่ประสานงานด้านการแพทย์ พร้อมสำรองเตียง ห้องผ่าตัด ห้องรับรอง รวมถึงเตรียมแพทย์ด้านกระดูกและข้อ ระบบประสาท และโรคหัวใจ ให้คำปรึกษา 24 ชั่วโมง

ด้านนายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ได้รับมอบหมายให้จัดบริการทางการแพทย์ที่สถานที่แข่งขันกีฬาในกรุงเทพมหานคร 4 แห่ง ได้แก่ 1) การกีฬาแห่งประเทศไทย (ราชมังคลากีฬาสถานและอินดอร์สเตเดียม) มีทีมรักษา 2 ทีม คือ ทีมกรมการแพทย์ ได้แก่ รพ.เลิดสิน รพ.ราชวิถี รพ.ราชวิถี 2 (รังสิต) และทีม รพ.รามาธิบดี มีทีมส่งต่อ 2 ทีมจากสำนักการแพทย์ และโรงพยาบาลรับส่งต่อ 2 แห่ง คือ รพ.รามคำแหง และรพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ 2) แฟชั่นไอส์แลนด์ มีทีมรักษา ส่งต่อ และรับส่งต่อ โดย รพ.นพรัตนราชธานี 3) เมเจอร์รัชโยธิน มี รพ.สงฆ์เป็นทีมรักษา ส่งต่อโดย รพ.รามาธิบดี และรับส่งต่อโดย รพ.เปาโล เกษตร และ 4) จักรยานทางไกล มีทีม รพ.เลิดสินและ รพ.ราชวิถี เป็นทีมรักษา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดต่างๆ เป็นทีมส่งต่อ
ส่วนการจัดบริการด้านการแพทย์ที่สถานที่พักของศูนย์กรุงเทพมหานคร แบ่งเป็น 6 โซน คือ โซน 1 ปทุมวัน มีศูนย์เอราวัณรับผิดชอบส่งต่อ รพ.ราชวิถี, โซน 2 รามคำแหง มีศูนย์เอราวัณส่งต่อ รพ.รามคำแหง และ รพ.สมิติเวชศรีนครินทร์, โซน 3 วิภาวดีรังสิต มีศูนย์เอราวัณส่งต่อ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ รพ.แพทย์รังสิต, โซน 4 มีนบุรี มีศูนย์เอราวัณส่งต่อ รพ.รามคำแหง, โซน 5 สมุทรปราการ-ลาดกระบัง มีศูนย์เอราวัณและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ส่งต่อ รพ.รวมชัยประชารักษ์ และ รพ.สำโรงการแพทย์ และโซน 6 นนทบุรี-ธนบุรี มีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ส่งต่อ รพ.พระนั่งเกล้า และ รพ.เวิลด์เมดิคอล โดยได้จัดทำคู่มือแนวทางบริการทางการแพทย์ อำนวยความสะดวกด้านการแพทย์และสุขอนามัยให้แก่คณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมการแข่งขัน รวมถึงให้ความรู้ด้านการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บจากกีฬาทางออนไลน์ด้วย

