“รมว.พัฒนา” มอบกรม สบส.ออกแบบอาคารรองรับน้ำท่วมและภัยพิบัติในอนาคต พร้อมเร่งหน่วยงานดูแลสุขภาพประชาชน กลุ่มเปราะบาง จาก PM2.5

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ออกแบบการก่อสร้างอาคารป้องกันน้ำท่วมและรองรับภัยพิบัติ และรถเคลื่อนที่สำหรับออกช่วยเหลือประชาชน/ขนย้ายผู้ป่วยเมื่อเกิดภัยพิบัติ พร้อมให้ทุกหน่วยงานดูแลประชาชนช่วงสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ทั้ง การแจ้งเตือน ออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ และสนับสนุนหน้ากากอนามัย เผยมีการเตรียมรถเคลื่อนที่เร็วไว้ช่วยเหลือประชาชนหากเกิดเหตุฉุกเฉินช่วงเทศกาลปีใหม่

วันที่ 3 ธันวาคม 2568 ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 12/2568 โดยก่อนการประชุมได้มีพิธีลงนามคำรับรองการปฏิบัติราชการ (Performance Agreement: PA) ของผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ระหว่าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิการบดีสถาบันพระบรมราชชนก อธิบดีทุกกรม และเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อเป็นเครื่องมือที่นำไปสู่การประเมินผล กำกับติดตามการปฏิบัติราชการ เสริมสร้างการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี รวมถึงเป็นพันธสัญญาในการก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจพัฒนาคุณภาพการให้บริการ ความพึงพอใจของประชาชนผู้รับบริการ และพัฒนาระบบราชการให้มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล

นายพัฒนากล่าวต่อว่า สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้ขณะนี้เข้าสู่ระยะฟื้นฟู ได้เน้นย้ำการเยี่ยมบ้าน คัดกรองกลุ่มเปราะบาง สำรวจความเสียหายของสถานบริการสาธารณสุข อาคาร บุคลากร รวมถึงวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อการให้บริการ และได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพดูแบบก่อสร้างในพื้นที่ประสบภัยหรือพื้นที่รับน้ำ เพื่อออกแบบการก่อสร้างอาคารที่ป้องกันและรองรับภัยพิบัติได้ รวมถึงรถที่สามารถออกปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วภายใน 72 ชั่วโมง และปรับใช้ปฏิบัติภารกิจบริการประชาชนในภาวะปกติได้ นอกจากนี้ เนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจะมีประชาชนที่เดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก ได้ให้จัดเตรียมรถเคลื่อนที่เร็วไว้ช่วยเหลือประชาชนหากเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และเตรียมมาตรการดูแลผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อาทิ การแจ้งเตือน การออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ การสนับสนุนหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน เป็นต้น

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินงานสำคัญ อาทิ การขึ้นทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ ตามพระราชบัญญัติระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 มีหน่วยบริการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว 5,121 แห่ง/เครือข่าย ครอบคลุมร้อยละ 94.89 โดยมีจังหวัดที่ดำเนินการครบ 100% แล้ว 57 จังหวัด ส่วนกรุงเทพมหานคร 50 เขต ขึ้นทะเบียนแล้ว 334 ทีม แบ่งเป็น ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 ทีม คลินิกชุมชนอบอุ่นและปฐมภูมิโรงพยาบาล 265 ทีม การพัฒนาระบบสุขภาพดิจิทัล โรงพยาบาลในสังกัดมีการจัดทำระบบนัดหมายออนไลน์ในคลินิกต่างๆ แล้ว 757 แห่ง หรือร้อยละ 83.6 จัดทำระบบประเมินความพึงพอใจออนไลน์ครอบคลุมทั้ง 12 เขตสุขภาพ รวม 174 โรงพยาบาล ใน 48 จังหวัด