
วันที่ 2 ธันวาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำชับให้เร่งช่วยเหลือและฟื้นฟูประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้อย่างเร่งด่วน ทั้งยังแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องชาวใต้ที่ได้รับผลกระทบ และย้ำว่ารัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งประชาชนในยามเดือดร้อน ซึ่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดเหตุอุทกภัย และในปัจจุบันเมื่อหลายพื้นที่เริ่มน้ำลดลง ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัด เร่งปฏิบัติภารกิจฟื้นฟูในหลายพื้นที่ โดยสนับสนุนอุปกรณ์ทำความสะอาด เช่น ไม้กวาดทางมะพร้าว ไม้ถูพื้น ถุงมือ ถุงดำ พร้อมนำเจ้าหน้าที่กว่า 168 คน ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ และหน่วยงานต่าง ๆ ทำกิจกรรม Big Cleaning Day ล้างทำความสะอาดเก็บกวาดขยะตามอาคารบ้านเรือน สถานที่ราชการ และตามท้องถนนรวม 15 พื้นที่ ในจังหวัดสงขลา สตูล และปัตตานี ตลอดจนช่วยขนย้ายของชิ้นใหญ่ภายในบ้าน และประชาสัมพันธ์ให้นำขยะมากองไว้ริมถนนเพื่อให้รถใหญ่นำไปทิ้ง เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเร็วที่สุด

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 กรมฯ ได้ปฏิบัติการช่วยเหลือภายใต้แนวคิด “ทส. หนึ่งเดียว” พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยในทุกจังหวัดภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย นำกำลังพลกว่า 135 คน รถบรรทุก 1 คัน รถยนต์ 24 คัน เรือ 27 ลำ ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มอบอาหารกล่องรวมกว่า 5,950 กล่อง น้ำดื่ม 3,300 ขวด และอีก 17,610 ลิตร ข้าวสาร 415 ถุง เวชภัณฑ์ 170 ชุด ถุงยังชีพ 2,491 ชุด ไฟฉาย 5 ชุด และนำ power station จำนวน 4 เครื่อง ให้ประชาชนที่ขาดการติดต่อสื่อสารจากบุคคลภายนอกได้ชาร์จแบตเตอรี่มือถือ นอกจากนี้กรมฯ ได้ตั้งศูนย์รับแจ้งการขอความช่วยเหลือ โดยดำเนินการช่วยเหลือไปทั้งสิ้น 135 เคส เข้าช่วยเหลืออพยพประชาชน เคลื่อนย้ายผู้ป่วย เด็ก คนชรา ที่ได้แจ้งขอความช่วยเหลือกว่า 650 ครัวเรือน ประสานสำนักงานสาธารณสุขในการส่งแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าตรวจสุขภาพผู้ประสบภัยที่มาพักพิง และให้คำปรึกษาแนะนำด้านสุขลักษณะของศูนย์พักพิง ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการระมัดระวังและป้องกันจากเหตุไฟฟ้ารั่ว ไฟฟ้าช๊อต และอันตรายจากสัตว์มีพิษที่มาในช่วงหน้าฝน
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และดำเนินมาตรการช่วยเหลือประชาชนควบคู่กับการดูแลทรัพยากรทางทะเลอย่างเต็มกำลัง จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนทุกคนผ่านพ้นเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างเข้มแข็ง








