เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่มีข่าวเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากการทำงานในสถานประกอบกิจการบ่อยครั้ง โดยเฉพาะงานซ่อมบำรุงเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า งานซ่อมบำรุงในพื้นที่สูงและที่อับอากาศ รวมถึงการทำความสะอาดในพื้นที่อันตราย เช่น บ่อบำบัดน้ำเสีย ถังและระบบท่อบรรจุสารเคมี ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินของนายจ้าง ลูกจ้าง และระบบเศรษฐกิจโดยรวมนั้น นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใยต่อความปลอดภัยในการทำงานที่เกิดขึ้น และมีข้อสั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเร่งยกระดับมาตรการเชิงรุกในการป้องกันอุบัติเหตุดังกล่าว กรมฯ ได้ดำเนินการตามข้อสั่งการโดยกำชับให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทั่วประเทศ เร่งตรวจกำกับสถานประกอบกิจการกลุ่มเสี่ยงให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะสถานประกอบกิจการที่มีแผนซ่อมบำรุงหรือทำความสะอาดเครื่องจักรและอุปกรณ์ในช่วงปลายปี รวมถึงตลอดช่วงเวลาของปีถัดไป ที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงสูง
อธิบดี กสร. กล่าวต่อว่า “ตนได้กำชับให้พนักงานตรวจความปลอดภัยทุกจังหวัดเร่งลงพื้นที่ตรวจกำกับอย่างใกล้ชิด โดยเน้นประเด็นด้านความปลอดภัยที่มักเป็นสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง เช่น เครื่องจักรที่ไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอันตรายอย่างครบถ้วน งานไฟฟ้า การทำงานในพื้นที่อับอากาศ สารเคมีอันตราย งานที่สูง รวมถึงการปฏิบัติงานของผู้รับเหมา หากพบว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จะดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาด จึงขอความร่วมมือให้สถานประกอบกิจการทุกแห่งกำกับดูแลการทำงานของลูกจ้างและผู้รับเหมาอย่างใกล้ชิดให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัย คู่มือการทำงาน และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด พร้อมย้ำว่าการป้องกันอุบัติเหตุและการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงานเป็นภารกิจสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง นอกจากนี้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด ต้องรายงานผลการตรวจกำกับผ่านระบบรายงานขับเคลื่อนนโยบาย Safety Thailand เป็นประจำทุกสัปดาห์ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569

