สทนช. ประชุมด่วนวางแผนปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล หลังคาดฝนภาคเหนือจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นวันพรุ่งนี้ จาก 55 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เหลือ 50 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน และวันถัดไปปรับลดอีกเหลือ 45 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เพื่อลดมวลน้ำที่ไหลลงสู่ภาคกลาง

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและวางแผนการบริหารจัดการน้ำเขื่อนภูมิพล โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
นายไพฑูรย์ เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับหน่วยงานในการวางแผนการบริหารจัดการน้ำเขื่อนภูมิพล เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่าง เร่งแก้ไขและบรรเทาสถานการณ์น้ำท่วมให้ประชาชนในภาคกลางที่ยังคงได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด โดยกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางและกำลังแรงจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมบริเวณตอนบนของประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ จะทำให้ภาคเหนือมีปริมาณฝนลดลง โดยจะยังคงมีฝนตกเล็กน้อยในบางพื้นที่ ซึ่งใน
ระยะนี้ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนภูมิพลมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ปรับลดการระบายน้ำของเขื่อนภูมิพลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (16 พฤศจิกายน 2568) จากเดิมระบายน้ำ 55 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน เหลือ 50 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน และในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ปรับลดลงเหลือ 45 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน จากนั้นให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พิจารณาปรับการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยขอให้รักษาระดับน้ำในเขื่อนตามความเหมาะสม ซึ่งการปรับลดการระบายน้ำในครั้งนี้จะช่วยให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงลดลงอีก 0.1- 0.15 เมตร ตั้งแต่อำเภอสามเงา จังหวัดตาก อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร จนถึงอำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ นอกจากนี้ จะช่วยลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าเขื่อนเจ้าพระยา โดยให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอย่างเหมาะสม

“สำหรับสภาพอากาศในพื้นที่ภาคกลางยังคงมีฝนตกกระจายเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยในวันนี้เขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำลดลงจากเมื่อวานแล้ว และการปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลในครั้งนี้ จะช่วยให้ทยอยลดการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาได้ตามลำดับ พร้อมกันนี้ กรมชลประทานได้ผันน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกอย่างเต็มประสิทธิภาพ คาดว่าจะสามารถลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาให้เหลือประมาณ 2,400 – 2,700 ลบ.ม. ต่อวินาที ได้ในช่วงวันที่ 20 – 24 พฤศจิกายน ซึ่งจะช่วยให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ลดลงอีก 0.4 – 0.75 เมตร โดยทุกหน่วยงานกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อเร่งช่วยเหลือประชาชนท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมาเป็นระยะเวลานาน ขณะเดียวกัน สำหรับพื้นที่เหนือเขื่อนภูมิพลที่ยังได้รับผลกระทบอยู่ในขณะนี้ กฟผ. ได้ติดตามดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยที่ประชุมได้เน้นย้ำให้มีการช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สถานการณ์ให้ได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง” รองเลขาธิการ สทนช. กล่าว



















