“พัฒนา” กำชับหน่วยงานสาธารณสุข 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เตรียมพร้อมระบบบริการในภาวะฉุกเฉิน กรณีสถานการณ์ยกระดับความรุนแรง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำชับ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เตรียมพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขตามมาตรการที่กำหนด รองรับหากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงหรือยกระดับความรุนแรง หลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิด เพื่อจัดการภาวะฉุกเฉินตั้งแต่ระยะก่อนเกิดเหตุ ระยะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ พร้อมสื่อสารทำความเข้าใจกับบุคลากรและผู้ป่วย

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนที่มีทหารไทยเหยียบกับระเบิด ที่ห้วยตามาเรีย ตรงข้ามปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้กำชับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด ให้เตรียมความพร้อมตามมาตรการสำหรับโรงพยาบาลและหน่วยบริการชายแดนทุกระดับที่กำหนดไว้ เพื่อรับสถานการณ์ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ภาวะปกติ (สีเขียว) ให้ติดตามเฝ้าระวัง ภาวะฉุกเฉินระดับ 1 (สีเหลือง) ระดับตื่นตัว ไปจนถึงภาวะฉุกเฉินระดับ 4 (สีแดง) ที่มีการตั้งศูนย์อพยพ

นายพัฒนากล่าวต่อว่า โดยทุกหน่วยงานให้เตรียมจัดการภาวะฉุกเฉินทั้งระยะก่อนเกิดเหตุ คือ จัดทำแผนการแพทย์ร่วมกับแผนอพยพ เตรียมกำลังคน สำรองเวชภัณฑ์ เตรียมพื้นที่และระบบสำหรับจุดปฐมพยาบาล จัดระบบสื่อสารสำหรับการแจ้งเตือนภาวะฉุกเฉิน สำรวจข้อมูลกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ระยะเกิดเหตุ ให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการสาธารณสุข ปิดโรงพยาบาลในเขต Hot Zone ให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ เฝ้าระวังและควบคุมโรค ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต สื่อสารความเสี่ยงด้านสุขภาพ ติดตามข้อมูลสุขภาพผู้ได้รับผลกระทบ และระยะหลังเกิดเหตุ โดยฟื้นฟูสุขภาพประชาชนและระบบบริการสุขภาพ ที่สำคัญขอให้มีการสื่อสารทำความเข้าใจกับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยด้วย

สำหรับแผนอพยพส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเสี่ยงใน 7 จังหวัด รวม 22 แห่ง ได้เตรียมโรงพยาบาลรับส่งต่อไว้ 54 แห่ง สามารถรองรับผู้ป่วยวิกฤตได้ 268 เตียง ผู้ป่วยทั่วไป 3,048 เตียง และหากมีการตั้งศูนย์อพยพ หน่วยงานสาธารณสุขพร้อมจัดทีมดูแลทั้งด้านสุขภาพกายและใจ การสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม การป้องกันควบคุมโรค และกิจกรรมต่างๆ