ประเทศไทยตอกย้ำความจริงจัง! ปราบสแกมเมอร์ข้ามชาติตามนโยบายรัฐบาล สำนักงาน ปปง. ผนึกกำลังกับ APG และ UNODC จัดการประชุมระหว่างประเทศ 2025 APG Typologies Workshop และพร้อมเป็นผู้นำในภูมิภาคสู้สแกมข้ามชาติ”

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ประเทศไทยเดินหน้าตอกย้ำการปราบปรามสแกมเมอร์และอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติอย่างจริงจังตามนโยบายรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกุล โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ร่วมกับกลุ่มต่อต้านการฟอกเงินเอเชียแปซิฟิก (Asia/Pacific Group on Money Laundering: APG) ด้วยความร่วมมือของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) จัดการประชุมระหว่างประเทศ “2025 APG Typologies Workshop” ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ

การประชุมนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10–12 พฤศจิกายน 2568 โดยมีผู้แทนจากประเทศ/เขตแดน ซึ่งเป็นสมาชิก APG องค์การระหว่างประเทศ และผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่าง ๆ ประจำประเทศไทย เข้าร่วม เพื่อร่วมกันหาแนวทางรับมืออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติ โดยปีนี้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับ 2 ประเด็นเร่งด่วนของโลก ได้แก่

1) ศูนย์กลางอาชญากรรมหลอกลวงทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ (Cyber Scam Hubs & Human Trafficking)

2) กระแสเงินผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแสวงประโยชน์ทางเพศเด็กออนไลน์ (Illicit Financial Flows linked to Online Child Sexual Exploitation)

อาชญากรรมไซเบอร์มีพัฒนาการซับซ้อนและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สร้างความเสียหายอย่างหนักทั้งต่อประชาชน ภาคธุรกิจ  และเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศในหลายมิติ

นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. กล่าวระหว่างพิธีเปิดว่า “อาชญากรรมเหล่านี้จะขับเคลื่อนต่อไม่ได้หากถูกตัดเส้นทางการเงิน และเพราะเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่มีประเทศใดแก้ปัญหาได้ลำพัง การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้งด้านนโยบาย กฎหมาย เทคโนโลยี ข่าวกรองทางการเงิน และการสร้างความตระหนักรู้ คือกุญแจสำคัญในการยุติเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ”

การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธทำลายล้างสูง (AML/CFT/CPF) ตลอดจนยกระดับมาตรฐานของประเทศสมาชิกให้สอดคล้องตามหลักสากล เวทีนี้ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศให้การปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็น “วาระแห่งชาติ” และ“ประกาศสงครามกับสแกมเมอร์” โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีการลงนาม MOU ร่วมกัน 15 หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับ การบูรณาการข้อมูลและการปฏิบัติการเชิงรุก สกัดกั้นเครือข่ายสแกมเมอร์และอาชญากรรมไซเบอร์อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ ประเทศไทยพร้อมทำงานเคียงข้างพันธมิตรนานาชาติ เพื่อผลักดันและดำเนินมาตรการสกัดกั้นอาชญากรรมไซเบอร์ให้ได้ผลอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติและประชาชน