
วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2568 – กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) และสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการคุ้มครองสิทธิและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ใช้แรงงาน” เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ใช้แรงงานทั้งในระบบและนอกระบบให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การลงนามดังกล่าวมีขึ้น โดยมี เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้ลงนาม โดยมี นายพงศ์เทพ เพชรโสม รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และ นายนิรันด์ ยั่งยืน รองอธิบดีอัยการฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ หลักสี่ กรุงเทพมหานคร

เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การบูรณาการความร่วมมืออย่างแท้จริงในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางกฎหมายแก่แรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ ทั้งสองฝ่ายจะได้ร่วมกันถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจด้านสิทธิหน้าที่ตามกฎหมาย มาตรฐานแรงงาน การคุ้มครองแรงงาน ความปลอดภัยในการทำงาน และสวัสดิการแรงงาน นอกจากนี้ยังเป็นการร่วมมือสนับสนุนการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการถูกละเมิดสิทธิของผู้ใช้แรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่สภาพเศรษฐกิจมีความผันผวนและเกิดการจ้างงานรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งนำมาสู่ความซับซ้อนของปัญหาการละเมิดสิทธิด้านแรงงานที่หลากหลายมากขึ้น
อธิบดี กสร. กล่าวต่อไปว่า ด้วยความร่วมมือนี้ ทั้งสองฝ่ายจะสามารถยกระดับกลไกการคุ้มครองสิทธิและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ใช้แรงงานให้เข้าถึงกระบวนการแก้ไขปัญหาและการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายได้ โดยสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งขอบเขตความร่วมมือครอบคลุมตั้งแต่การจัดทำโครงการเผยแพร่ความรู้ ทั่วประเทศ การให้คำปรึกษา แนะนำ เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไปจนถึงการร่วมกันให้ความช่วยเหลือทางอรรถคดี และการประสานส่งต่อเรื่องขอความช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ ซึ่งเราจะหาแนวทางร่วมกันในการลดขั้นตอน อันเป็นการลดภาระแก่ผู้ขอความช่วยเหลือ รวมถึงการพัฒนาและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และบุคลากรทางวิชาการ เพื่อให้แรงงานและประชาชนได้รับความเป็นธรรมตามกฎหมายอย่างทั่วถึง สิ่งเหล่านี้คือความมุ่งมั่นของเราทั้งสองหน่วยงานในการทำงานเชิงรุก เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ใช้แรงงานของประเทศ










