เปิดสรรพคุณ “ผักพื้นบ้าน” อาหารบำรุงสายตา

หมอเปิดสรรพคุณ “ผักพื้นบ้าน” ใช้บำรุงสายตา เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นในวัน “สายตาโลก” (World Sight Day)

Print

นายแพทย์สรรพงศ์ ฤทธิรักษา รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาสายตาและต้องการกระตุ้นให้ทุกคนเกิดการตื่นตัวกับ  การรณรงค์ป้องกันและฟื้นฟูการตาบอด และมองเห็นเลือนลางซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก จึงได้จัดให้มี “วันสายตาโลก” (World Sight Day) ขึ้น ให้เป็นวันพิเศษที่ถูกจัดขึ้นทุกปีในวันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือนตุลาคม ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 10 ตุลาคม 2562 จากสถิติรายงานโรคตาของราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ พบว่าโรคทางตาที่พบมากขึ้นในสังคมไทย คือ การติดเชื้อที่กระจกตาจากคอนแทคเลนส์และโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (Computer Vision Syndrome) ซึ่งมีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ทราบกันดีว่าวิตามินเอมีหน้าที่ช่วยในการมองเห็น การเจริญเติบโตของกระดูก การแบ่งตัวของเซลล์ การกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ซ่อมแซมผิวของตาและหลอดลม ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายยากขึ้น และยังกระตุ้นให้เซลล์เม็ดเลือดขาว      ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

Print

นายแพทย์สรรพงศ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ก็จะมองข้ามวิตามินเอที่มีอยู่ ในพืชสมุนไพร ผัก ผลไม้ ที่หาง่ายมีสรรพคุณบำรุงสายตา เช่น ดอกอัญชัน มีสารแอนโธไซยานิน มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) จากธรรมชาติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตา รวมถึงเพิ่มความสามารถในการมองเห็น ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต แก้อาการตาฟาง ตามัวจากภาวะเสื่อมของดวงตา  ส่วนผักพื้นบ้าน ได้แก่ ฟักทอง เป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงชนิดหนึ่ง เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูง บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพได้ ผักบุ้ง มีสารอาหารหลายชนิด จุดเด่นของผักบุ้ง คือ มีวิตามินเอสูงเช่นกัน การรับประทานผักบุ้งเป็นประจำจะลดอาการปวดดวงตา ลดอาการแสบตาที่เกิดจาก  การใช้สายตามากเกินไปได้เป็นอย่างดี ส่วนผักตำลึง สมุนไพรริมรั้วคู่ครัวไทย จุดเด่นของตำลึงอีก สรรพคุณหนึ่ง คือ บำรุงสายตา ช่วยถนอมสายตาให้มีสุขภาพดี ช่วยในการมองเห็นอีกด้วย นี่เป็นเพียงตัวอย่างพืชผักสมุนไพรส่วนหนึ่งที่ประชาชนสามารถซื้อหามาปรุงเป็นอาหารได้เองตามวิถีชีวิตปกติ

นายแพทย์สรรพงศ์ กล่าวในตอนท้ายว่า อยากให้ประชาชนตระหนักถึงสุขภาพตา หลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อดวงตา เช่น ไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟนติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่ได้พักสายตา แนะนำให้พักสายตาอย่างน้อย 1-5 นาที ต่อการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวนาน 25 – 30 นาที ควรดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อให้ดวงตามีความชุ่มชื้น และพักผ่อนนอนหลับ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ประสาทตาได้พักการใช้งาน