วันที่ 19 กันยายน 2568 นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) เพื่อการช่วยเหลือ เยียวยา คุ้มครอง ส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการและครอบครัว ระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี นายโชคชัย วิเชียรชัยยะ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย คณะผู้บริหารกระทรวง พม. และหน่วยงานที่ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือฯ ทหารพิการ ผู้ดูแลคนพิการที่ได้รับนวัตกรรมเท้าเทียมไดนามิกส์และรถเข็นวีลแชร์ เข้าร่วมงาน ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 2 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ
นายอนุกูล กล่าวว่า สืบเนื่องจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ขับเคลื่อนนโยบาย“นโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร” และต่อยอดขยายผลด้วยการขับเคลื่อน พันธกิจสำคัญ (Flagship projects) 9 ด้าน โดยเฉพาะด้านที่ 4 พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ มุ่งให้คนพิการก้าวข้ามความพิการ สร้างอาชีพ มีรายได้ พึ่งพาตนเองได้ และร่วมรับผิดชอบสังคม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 กระทรวง พม. ได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี อีกทั้งร่วมประชุมหารือกับทีมแพทย์เพื่อวางแผนการช่วยเหลือทหาร พร้อมพูดคุยให้กำลังใจ มอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น และมอบกายอุปกรณ์เท้าเทียมไดนามิกส์ จากศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการขาขาดด้วยนวัตกรรมเท้าเทียมไดนามิกส์ สำหรับทหาร เจ้าหน้าที่ และญาติเจ้าหน้าที่ของกองทัพบก โดยขอรับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรม พก.
นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า วันนี้ จึงมีการจัดงาน “พิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ เพื่อการช่วยเหลือ เยียวยา คุ้มครอง ส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการและครอบครัว” เพื่อให้การรักษาพยาบาล เยียวยา และคุ้มครอง อย่างรวดเร็ว ครบถ้วน เป็นการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยการสร้างโอกาสและความเท่าเทียม การเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของกำลังพลที่พิการหรือทุพพลภาพ และครอบครัว พร้อมทั้งเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ อีกทั้งยังเป็นการสื่อสารสังคมถึงการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย
นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงนาม MOU ครั้งนี้ ทั้ง 7 หน่วยงาน มีความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานให้สัมฤทธิ์ผล อาทิ 1) การส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างงานกำลังพลที่พิการหรือทุพพลภาพ และครอบครัว ภายในหน่วยงานภาครัฐของทางทหารและตำรวจ 2) สนับสนุนการฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ และการจัดหางาน ตลอดจนการส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ 3) สนับสนุนในเรื่องอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการ กายอุปกรณ์ เช่น รถเข็นวีลแชร์ รถสามล้อโยก เท้าเทียมไดนามิกส์ ให้สามารถเคลื่อนที่และดำรงชีวิตได้อย่างอิสระ 4) สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย ในเรื่องของการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย เพื่อการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สะดวกสบาย เหมาะสม 5) สนับสนุนกำลังพลของทหารและตำรวจในการปรับปรุงบ้าน หรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการทั่วไปอย่างเหมาะสม 6) สนับสนุนข้อมูลด้านการคุ้มครองสิทธิทางกฎหมาย หรือการได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมาย และ 7) สนับสนุนการให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ สวัสดิการ และความช่วยเหลือ รวมถึงการให้คำปรึกษา หรือช่วยดำเนินการเกี่ยวกับการขอสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ภายใต้ระยะเวลา 2 ปี
#ข่าวพม #พม #ศรส #ศบปภ #5×5ฝ่าวิกฤติประชากร #พมหนึ่งเดียว #พันธกิจสำคัญ9ด้าน #คนพิการ #ชายแดนไทยกัมพูชา