สถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 18 ก.ย. 68 เวลา 7.00 น.

1. ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.ลำปาง (71 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.บุรีรัมย์ (60 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (52 มม.) ภาคกลาง : จ.สมุทรปราการ (125 มม.) ภาคตะวันออก : จ.ตราด (123 มม.) ภาคใต้ : จ.ระนอง (51 มม.)

สภาพอากาศวันนี้ : มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดระนอง พังงา จันทบุรี และตราด

คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 19 – 21 ก.ย. 68 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก

2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 76% ของความจุเก็บกัก (61,007 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 64% (36,886 ล้าน ลบ.ม.)

3. ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ : ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่22/2568 ลงวันที่ 16 ก.ย. 68 สทนช.แจ้งเฝ้าระวังน้ำหลาก น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง ระดับน้ำแม่น้ำโขงและแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงระหว่างวันที่ 18–24 ก.ย. 68 โดยคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้
1.1 ภาคเหนือ บริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน แม่ฮ่องสอน ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และนครสวรรค์
1.2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
1.3 ภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก และขอให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด
3. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำสาย บริเวณอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แม่น้ำยม บริเวณอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก แม่น้ำแควน้อย บริเวณอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ลำน้ำยัง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด แม่น้ำชี อำเภอ
มหาชนะชัย จังหวัดยโสธร อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ แม่น้ำมูล อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี และแม่น้ำปราจีนบุรี อำเภอ
กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี
4. เฝ้าระวังผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีปริมาณฝนตกสะสม บริเวณสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มส่งผลกระทบพื้นที่จังหวัดริมแม่น้ำโขง ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
5. เฝ้าระวังผลกระทบจากกรณีเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำ ทำให้ระดับน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นและล้นตลิ่ง บริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม่น้ำน้อย อำเภอเสนา และผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอเมืองสิงห์บุรี อินทร์บุรี และพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอไชโย และป่าโมก จังหวัดอ่างทอง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท พร้อมทั้งเฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ