1. ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.ตาก (76 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.สกลนคร (62 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (90 มม.) ภาคกลาง : กรุงเทพมหานคร (75 มม.) ภาคตะวันออก : จ.ตราด (82 มม.) ภาคใต้ : จ.นราธิวาส (55 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดระนอง พังงา จันทบุรี และตราด
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 18 – 21 ก.ย. 68 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 76% ของความจุเก็บกัก (61,007 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 64% (36,886 ล้าน ลบ.ม.)
3. ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ : ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่21/2568
ลงวันที่ 15 ก.ย. 68 สทนช.แจ้งเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ในช่วงระหว่างวันที่ 17 – 22 ก.ย. 68 โดยคาดหมายระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจมีความสูงประมาณ 1.70 – 1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่าน ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุม ทำให้มีฝนตกในบางพื้นที่ ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำจะเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นเข้าท่วม เนื่องจากน้ำทะเลหนุนบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง รวมถึงชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) บริเวณจังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม
ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงบริเวณที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งข้อมูลแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ แนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำตามริมแม่น้ำทราบล่วงหน้า
2. เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที
3. ติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำอ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และประตูระบายน้ำ เพื่อบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์
4. พื้นที่ประสบอุทกภัย : วันที่ 16 ก.ย. 68 เกิดสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ 12 จ. 45 อ. ได้แก่ จ.พิษณุโลก (อ.วังทอง และบางระกำ) จ.พิจิตร (อ.เมืองฯ สามง่าม โพทะเล โพธิ์ประทับช้าง บึงนาราง บางมูลนาก ทับคล้อ ดงเจริญ และสากเหล็ก) จ.เพชรบูรณ์ (อ. บึงสามพัน วิเชียรบุรี และศรีเทพ) จ.นครสวรรค์ (อ.เมืองฯ ชุมแสง และตาคลี) จ.อุทัยธานี (อ.เมืองฯ) จ.ชัยนาท (อ.เมืองฯ สรรพยา มโนรมย์ และวัดสิงห์) จ.สิงห์บุรี (อ.เมืองฯ อินทร์บุรี และพรหมบุรี) จ.อ่างทอง (อ.เมืองฯ ป่าโมก วิเศษชัยชาญ และไชโย) จ.สุพรรณบุรี (อ.เมืองฯ บางปลาม้า เดิมบางนางบวช และสองพี่น้อง) จ.พระนครศรีอยุธยา (อ.เสนา ผักไห่ บางบาล บางไทร บางปะอิน และพระนครศรีอยุธยา) จ.นครปฐม (อ.เมืองฯ บางเลน สามพราน และกำแพงแสน) และ จ.ฉะเชิงเทรา (อ.เมืองฯ และบางน้ำเปรี้ยว)