มติคณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติ “โครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ระยะที่ 3” เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 กรอบวงเงิน 3,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน ที่ยังคงประสงค์ให้ภาครัฐดำเนินโครงการต่อจากเฟส 2 เนื่องจากเป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทางการเงินให้กับพี่น้องชาวประมงในการประกอบอาชีพ
นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ชาวประมงที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถกู้เงินได้ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 7 ต่อปี โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ร้อยละ 3 ต่อปี และผู้กู้จ่าย ร้อยละ 4 ต่อปี กำหนดชำระคืนเงินกู้ไม่เกิน 7 ปี นับตั้งแต่วันที่กู้ แต่ไม่เกินระยะเวลาโครงการ (19 สิงหาคม 2568- 18 สิงหาคม 2575)
ทั้งนี้ รูปแบบของสินเชื่อฯ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) สินเชื่อเงินกู้ระยะสั้น เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ เช่น ค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงาน ค่าน้ำมัน ค่าน้ำแข็ง ฯลฯ 2) สินเชื่อเงินกู้ระยะยาว เพื่อเป็นเงินทุนในการใช้ปรับปรุงเรือ ปรับเปลี่ยนเครื่องมือและอุปกรณ์ทำการประมง ซึ่งธนาคารที่เข้าร่วมโครงการฯ ดังนี้
- ธนาคารออมสิน กรอบวงเงินสินเชื่อ 2,000 ล้านบาท สำหรับผู้กู้ที่มีเรือประมงขนาดตั้งแต่ 60 ตันกรอสขึ้นไป วงเงินสินเชื่อสูงสุด รายละไม่เกิน 10 ล้านบาท
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) กรอบวงเงินสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท สำหรับเรือประมงขนาดต่ำกว่า 60 ตันกรอส วงเงินสินเชื่อสูงสุด รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท
กรมประมงจะเปิดรับสมัครผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2568 เป็นต้นไป ณ สำนักงานประมงจังหวัดชายทะเลทั้ง 22 จังหวัด และสำนักงานประมงพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผู้ที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ
ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
คุณสมบัติ
1. เป็นบุคคลธรรมดา อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ สัญชาติไทย หรือ เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนตามกฎหมายไทย
2. เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ หรือ สิทธิครอบครองในเรือประมงที่มีทะเบียนเรือไทย
3. เป็นผู้ประกอบการประมงที่มีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
4. กรณีเป็นผู้ประกอบการประมงพาณิชย์ต้องมีใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์
5. ไม่เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามในการได้รับใบอนุญาตทำการประมง ตามมาตรา 39 แห่งพระราชการกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยการประมง
6. ทั้งนี้ เรือที่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ นำมายื่นขอสินเชื่อ ต้องไม่เป็นเรือประมงในกลุ่ม 923 ลำ ที่มีรายชื่อในโครงการนำเรือออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน
หลักประกันการกู้เงิน ให้ใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ หลายอย่างรวมกัน ดังนี้
1. ที่ดิน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่มีหนังสือแสดงเอกสารสิทธิสามารถจดทะเบียนจำนองได้หรืออาคารชุด
2. เรือประมงที่มีการจดทะเบียนเรือไทยถูกต้องตามกฎหมาย
3. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
4. บุคคลค้ำประกัน
5. หลักประกันอื่น ๆ ตามที่ธนาคารกำหนด
ทั้งนี้ โครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ระยะที่ 3 เป็นผลพวงของความสำเร็จของการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ 1 (ปี 2563) และระยะที่ 2 (ปี 2565) ซึ่งระยะที่ 1 มีชาวประมงสนใจเข้าร่วมโครงการฯ มากถึง 5,596 ราย และระยะที่ 2 จำนวน 933 ราย ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมงให้สามารถกู้เงินเพื่อนำไปเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ ประกอบกับปัจจุบัน ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2568 มีเรือประมงที่จดทะเบียนอยู่ในระบบ รวมทั้งสิ้น 53,901 ลำ ประกอบด้วย เรือประมงพาณิชย์ จำนวน 8,476 ลำ และเรือประมงพื้นบ้าน จำนวน 45,425 ลำ ซึ่งชาวประมงที่เป็นเจ้าของเรือกลุ่มนี้ สามารถที่จะขอเข้าถึงโครงการช่วยเหลือต่าง ๆ จากภาครัฐ ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้นทุนการทำประมงสูงขึ้นจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการทำประมง รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการลงทุนอื่น ๆ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอัครา พรหมเผ่า) จึงได้เร่งผลักดันโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ระยะที่ 3 จนสำเร็จ และมอบให้กรมประมง เริ่มดำเนินการโครงการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2568 นี้…อธิบดีฯ กล่าว