ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเวทีวิชาการเขตสุขภาพที่ 2 ย้ำความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการทำงาน โดยเฉพาะการจัดการปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs มีแนวทางที่สอดคล้องโลกยุคดิจิทัลและเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพภายใต้จริยธรรมและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ป่วย ควบคู่ ช่วยให้การป้องกัน คัดกรอง และดูแลผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วันที่ 25 สิงหาคม 2568 ที่ โรงแรมท็อปแลนด์ จ.พิษณุโลก นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2568 ระหว่างวันที่ 25-28 สิงหาคม 2568 พร้อมทั้งปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “NCDs ในยุคดิจิทัล : ความท้าทายด้านสุขภาพ” โดยมี นพ.สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 2 นพ.วิทยา พลสีลา สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 2 นพ.ไกรสุข เพชระบูรณิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ผู้บริหารและบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข จากหน่วยงานในเขตสุขภาพที่ 2 เข้าร่วมกว่า 500 คน
นพ.โอภาส กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในระบบสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดการกับปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ซึ่งเป็นภาระโรคที่สำคัญทางสาธารณสุขทั้งของประเทศไทยและทั่วโลก การนำเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันด้านสุขภาพ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) รวมถึงระบบติดตามสุขภาพระยะไกล (Telemedicine) มาเป็นเครื่องมือในการทำงานจะช่วยให้การป้องกัน คัดกรอง และดูแลผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันหน่วยงานก็ต้องมีการพัฒนาควบคู่กัน ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพภายใต้จริยธรรมและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ป่วย โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การพัฒนาแนวทางการจัดการ NCDs ที่สอดคล้องโลกยุคดิจิทัลและเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่
ด้าน นพ.สุภโชค กล่าวว่า เขตสุขภาพที่ 2 (ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และอุตรดิตถ์) มีเป้าหมายผลิตผลงานวิชาการ งานวิจัย R2R การพัฒนาคุณภาพบริการ CQI และนวัตกรรมของหน่วยงานสาธารณสุขในเขต ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพการบริการด้านสาธารณสุขได้ ไม่น้อยกว่า 200 เรื่องต่อปี โดยการจัดประชุมวิชาการครั้งนี้ มีทั้งการบรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ การเสวนาจากนักวิชาการและผู้ปฏิบัติงานจริง รวมถึงการนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรม เช่น ระบบติดตามผู้ป่วยเบาหวานผ่านแอปพลิเคชัน, การใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมสุขภาพ, และโมเดลการจัดการ NCDs แบบ community-based ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนการดูแลผู้ป่วย NCDs ให้เข้าถึงเทคโนโลยีมากขึ้น และเกิดการพัฒนาแพลตฟอร์มร่วมในเขต รวมถึงสร้างเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างโรงพยาบาล สถานีอนามัย และหน่วยบริการต่าง ๆ เพื่อนำข้อมูลมาใช้วางแผนและติดตามผลการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ