ปปง. ระดมหน่วยงานรัฐ–เอกชน เสริมแกร่ง ระบบ “คืนเงินผู้เสียหาย” ตาม พ.ร.ก. อาชญากรรมไซเบอร์ฉบับใหม่ เตรียมบุคลากรรับมือกลโกงโลกดิจิทัล ย้ำเป้าหมาย – คุ้มครองสิทธิฯ คืนความเป็นธรรม โดยไม่ต้องรอศาล

นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการปฏิบัติตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ณ โรงแรมใบหยกสกาย กรุงเทพมหานคร พร้อมกล่าวนโยบายสำคัญต่อบุคลากรของสำนักงานและหน่วยงานภาคี โดยมี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เข้าร่วมการสัมมนาครั้งนี้ด้วย ในฐานะผู้บริหารหน่วยงานหลักด้านการสืบสวนอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อสะท้อนมุมมองภาคปฏิบัติและแนวทางการบูรณาการข้อมูลระหว่างการสืบสวนกับกระบวนการคืนเงินผู้เสียหายตามกฎหมายใหม่ ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อตอบรับพระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2568 โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ การขยายขอบเขตคำจำกัดความของ “กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล” และ “บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์” การกำหนดให้ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ภายใต้การกำกับและที่สำคัญคือ กลไกคืนเงินให้ผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยไม่ต้องรอคำพิพากษาศาล

ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. มีบทบาทสำคัญในฐานะหน่วยงานหลักในการตรวจสอบรายงานการกระทำความผิดและเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรม เพื่อพิจารณาคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายตามมาตรา 8/2 ของพระราชกำหนดฯ โดยเปิดโอกาสให้ทั้งผู้เสียหายและผู้เกี่ยวข้องยื่นคำร้องแสดงหลักฐานภายใน 90 วันนับจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปง. เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงตัวแทนจากสถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจ รวมทั้งสิ้น 100 คน ซึ่งโครงการนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของสำนักงาน ปปง. ในการยกระดับการบังคับใช้กฎหมาย และการพัฒนาองค์กรสู่การทำงานแบบดิจิทัล โดยมีเป้าหมายให้เจ้าหน้าที่มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมสร้างเครือข่ายการประสานงานระหว่างหน่วยงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง