วันที่ 5 สิงหาคม 2568 ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโนยายที่ดินแห่งชาติ (ผอ.สคทช.) มอบหมายให้ นายสุริยน พัชรครุกานนท์ รอง ผอ.สคทช. เข้าร่วมชี้แจง “(ร่าง) มาตรการการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของวัดในเขตที่ดินของรัฐ” ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) เสนอ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
นายสุริยนฯ รอง ผอ.สคทช. กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ สคทช. ในฐานะหน่วยงาน ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ คทช. โดยมี นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ เร่งขับเคลื่อนการดำเนินการในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐที่ทับซ้อนกัน และการพิสูจน์สิทธิในการครอบครองที่ดิน จนเป็นข้อพิพาทระหว่างที่ดินของรัฐกับรัฐ หรือที่ดินของรัฐกับประชาชน สำหรับการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของวัดในเขตที่ดินของรัฐนั้น สืบเนื่องจาก สคทช. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากคณะกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับวัดหลายแห่งทั่วประเทศที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งต่อมาได้ถูกประกาศให้เป็นเขตที่ดินของรัฐ อาทิ ป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ หรือเขตป่าอนุรักษ์ โดยวัดเหล่านี้ได้ตั้งขึ้นเพื่อประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนามาเป็นระยะเวลานาน อย่างไรก็ตาม วัดเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารสิทธิในที่ดิน เนื่องจากอยู่ก่อนการประกาศเขตที่ดินของรัฐ จึงไม่สามารถดำเนินการออกเอกสารสิทธิได้ตามขั้นตอนปกติ ทำให้เกิดข้อจำกัดทั้งด้านการใช้ประโยชน์ การพัฒนา การปกป้องสิทธิของวัด และเกิดข้อพิพาทกับหน่วยงานของรัฐที่ดูแลรักษาพื้นที่ ซึ่งหากจะแก้ไขปัญหาโดยใช้มาตรการการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ โดยใช้วิธีการตรวจสอบร่อยรอยการทำประโยชน์ในภาพถ่ายทางอากาศออร์โธสี มาตราส่วน 1: 4000 ปี พ.ศ. 2545 หรือ พ.ศ. 2546 หรือพยานหลักฐานอื่นที่ใช้ประกอบรวม แต่เนื่องจากพระสงฆ์ธรรมยุตินิกายเป็นพระสงฆ์ที่จาริกปฏิบัติธรรมตามป่าเขา ถ้ำ หรือเพิงหิน แสวงหาความสงบในการปฏิบัติธรรม จึงไม่ปรากฏร่องรอยการทำประโยชน์หรือสิ่งก่อสร้างในแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหารแต่อย่างใด ซึ่งควรจะต้องกำหนดแนวทางมาตรการเงื่อนไขการพิสูจน์สิทธิในรูปแบบที่เหมาะสมในการพิสูจน์สิทธิให้กับวัด
รองผอ.สคทช. กล่าวต่อไปว่า ดังนั้น สคทช.จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยจัดตั้งคณะทำงาน ศึกษาแนวทาง หลักการ วิธีการและเงื่อนไขการพิสูจน์สิทธิในที่ดินวัด รวมทั้งลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อกำหนดแนวทางและวิธีการแก้ไขปัญหา และจัดทำมาตรการการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของวัดในเขตที่ดินของรัฐ อย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนที่ชัดเจน และสามารถนำไปสู่การออกเอกสารประเภทโฉนดที่ดินเพื่อธรณีสงฆ์ ซึ่งวัดไม่สามารถเปลี่ยนมือหรือดำเนินการด้านนิติกรรมได้อย่างปกติ โดยไม่กระทบต่อการควบคุมดูแลที่ดินของรัฐในภาพรวม ซึ่งเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนา ได้นำเสนอ (ร่าง) มาตรการการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของวัดในเขตที่ดินของรัฐ ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ต่อมหาเถรสมาคมและในที่ประชุมรับทราบ ตามมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 5/2567 มติที่ 146/2567 สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 แล้ว และผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 โดยในวันนี้ (5 สิงหาคม 2568) คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ (ร่าง) มาตรการการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของวัดในเขตที่ดินของรัฐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ โดยมอบหมายสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงาน พระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมที่ดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำคู่มือสำหรับปฏิบัติงานและแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน และให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐจังหวัด (คพร. จังหวัด) ใช้มาตรการนี้เป็นแนวทางในการพิจารณาพิสูจน์สิทธิให้กับวัดในพื้นที่ทันที รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานของรัฐที่ดูแลรักษาที่ดินของรัฐ อำนวยความสะดวกในการตรวจสอบและรับรองข้อมูลตามอำนาจหน้าที่ เพื่อสนับสนุนการออกเอกสารสิทธิ์ให้วัดที่เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรการนี้ต่อไป
ทั้งนี้ ร่างมาตรการดังกล่าว จะช่วยแก้ไขปัญหาวัดที่ครอบครองและทำประโยชน์มาก่อนการประกาศให้พื้นที่นั้นเป็นที่ดินของรัฐ ทำให้สามารถพิสูจน์สิทธิได้อย่างเป็นธรรม และจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดินของวัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย ลดข้อขัดแย้งกับหน่วยงานของรัฐ เกิดประโยชน์สูงสดแก่พระพุทธศาสนา ไม่เป็นการสร้างภาระเกินสมควรแก่วัดที่จะพิสูจน์สิทธิในที่ดินของวัดให้เกิดความเป็นธรรมต่อวัด และสามารถออกเอกสารสิทธิในที่ดินได้โดยชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งคุ้มครองและสนับสนุนบทบาทของวัดในฐานะศูนย์กลางศาสนาและจิตใจของประชาชน