สทนช. จับมือ ชป. และหน่วยงานติดตามสถานการณ์น้ำพิษณุโลก สุโขทัย ร่วมจัดจราจรน้ำจากเหนือสู่เจ้าพระยา มุ่งลดผลกระทบต่อประชาชน

วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมด้วย นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการ สทนช. และคณะเจ้าหน้าที่ สทนช. ลงพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน เพื่อติดตามความพร้อมในแต่ละจุด โดยในช่วงเช้าได้ติดตามสถานการณ์น้ำและร่วมหารือแนวทางการบริหารจัดการมวลน้ำ ณ ประตูระบายน้ำ DR.2.8 ตำบลบ้านไร่ อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก โดยมี นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน (ชป.) นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดี ชป. นายอัครโชค สุวรรณทอง ปลัดจังหวัดพิษณุโลก นายพิสิษฐ์ วงศ์เธียรธนา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก ร่วมลงพื้นที่ด้วย จากนั้นในช่วงบ่าย เลขาธิการ สทนช. และคณะ ได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์น้ำและความพร้อม ณ ประตูระบายน้ำคลองหกบาท ตำบลป่ากุมเกาะ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย โดยมี นายสมลักษ์ ยกน้อยวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย และผู้แทนหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมลงพื้นที่ด้วย

เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า “เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 สทนช. ได้จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ลุ่มน้ำยม-น่าน เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “วิภา” ในช่วงนี้ และบูรณาการกับทุกหน่วยงานทั้งส่วนกลางและในพื้นที่ร่วมบริหารจัดการน้ำที่จะไหลจากพื้นที่ตอนบนของประเทศลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยลดผลกระทบในแต่ละพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ซึ่งจากการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ลุ่มน้ำยม-น่าน ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวานนี้ ได้ร่วมพิจารณาแผนการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ และมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปรับลดการระบายน้ำลงอยู่ที่ 10 ล้าน ลบ.ม./วัน ในช่วงวันที่ 26 – 30 กรกฎาคม 2568 และลดระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก เพื่อช่วยเร่งการระบายน้ำที่ไหลผ่านจากลำน้ำยมไปสู่ลำน้ำน่าน โดยขอให้ทุกหน่วยงานช่วยสนับสนุนการเร่งการระบายน้ำโดยเร็วที่สุด เช่น การติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำเพิ่ม เพื่อระบายน้ำไปให้ได้มากที่สุดในช่วง 5 วันนี้ หลังจากนั้นในช่วงต้นเดือนสิงหาคม คาดการณ์ว่าปริมาณฝนจะลดลง ให้ กฟผ. ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับปริมาณฝนที่จะกลับมาอีกในช่วงเดือนกันยายน”

จากการประชุมดังกล่าว สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ลงพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน เพื่อติดตามปริมาณน้ำในแต่ละจุดตั้งแต่เมื่อวาน เพื่อเตรียมการบริหารจัดการมวลน้ำที่จะไหลผ่านตั้งแต่วานนี้และมีปริมาณสูงสุดในช่วงเช้าวันนี้ โดยระบายน้ำส่วนหนึ่งผ่านคลองยม – น่าน และแม่น้ำยมสายเก่า และอีกส่วนระบายผ่านประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์ แม่น้ำยมสายหลัก เพื่อควบคุมปริมาณน้ำที่จะผ่านตัวเมืองสุโขทัยให้อยู่ในระดับไม่เกิน 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นอัตราที่ไม่ก่อเกิดให้เกิดผลกระทบน้ำท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจเมืองสุโขทัย โดยในวันนี้ สทนช. ร่วมกับกรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดสุโขทัยเพื่อสำรวจความพร้อมแต่ละจุดอีกครั้ง และหารือแนวทางป้องกันและเตรียมพร้อมแก้ไขปัญหา ได้แก่ เร่งการระบายน้ำในแม่น้ำยมสายเก่าให้มากที่สุด เร่งการระบายน้ำที่ประตูระบายน้ำคอรุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายของแม่น้ำยมลงแม่น้ำน่าน เปิดบานประตูระบายน้ำแต่ละแห่งอย่างเต็มที่เพื่อรอรับมวลน้ำและส่งต่อ ติดตั้งเครื่องสูบระบายน้ำเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายและเตรียมรองรับบริเวณจุดเสี่ยง รวมถึงสำรวจบริเวณจุดเสี่ยงและจุดที่อาจได้รับผลกระทบเพื่อเตรียมปรับปรุงซ่อมแซมหลังน้ำลดด้วย

“สำหรับการเตรียมพื้นที่ลุ่มต่ำรองรับน้ำหลาก “โครงการบางระกำโมเดล” พบว่าพื้นที่ปลูกข้าวรวม 327,000 ไร่ ขณะนี้เก็บเกี่ยวไปแล้ว 91,519 ไร่ ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอีก 235,481 ไร่ ซึ่งมีแผนจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ก็จะสามารถใช้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำยมได้ในปริมาณ 400 ล้าน ลบ.ม. ดังนั้น ในช่วงที่ยังไม่สามารถระบายน้ำเข้าทุ่งบางระกำได้ ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันบริหารจัดการมวลน้ำจากภาคเหนือให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่” เลขาธิการ สทนช.กล่าวในตอนท้าย