“ทส.” ประกาศ กำหนดแนวเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง “พื้นที่หมู่เกาะพยาม จ.ระนอง”

วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวว่า ตามที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ดำเนินการประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดแนวเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ประเภทหาด ปะการัง กัลปังหา แหล่งหญ้าทะเล สิ่งมีชีวิตในแนวปะการัง และสัตว์ทะเลหายาก ในพื้นที่หมู่เกาะพยาม ตำบลเกาะพยาม อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ทั้งนี้ ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ให้มีระยะเวลาบังคับใช้ห้าปีนับตั้งแต่วันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ โดยประกาศฉบับนี้ นับว่าเป็นก้าวที่สำคัญในการดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เนื่องจากบริเวณพื้นที่หมู่เกาะพยาม เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ประมาณ 1.5 พันไร่ เป็นแนวปะการังน้ำตื้นสภาพดีปานกลาง หญ้าทะเลค่อนข้างสมบูรณ์ พบสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์เป็นครั้งคราว แต่พบว่ามีการตายของปะการังบางส่วน เนื่องจากมีการประกอบกิจกรรมการท่องเที่ยวดำน้ำ ทำประมง การพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ ปัญหาการทิ้งขยะ น้ำเสียจากชุมชน ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แนวปะการัง แหล่งหญ้าทะเล สัตว์น้ำวัยอ่อน และคุณภาพชายหาด

ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวเสริมว่า ประกาศกระทรวงดังกล่าวได้กำหนดบริเวณพื้นที่บังคับไว้ 4 บริเวณ กำหนดกิจกรรมที่ห้ามดำเนินการแตกต่างกัน คือ บริเวณที่ 1 พื้นที่บนแผ่นดินนับจากแนวชายฝั่งทะเลเข้าไปในแผ่นดินของเกาะพยาม เกาะขาม และเกาะนุ้ย ห้ามทิ้งขยะมูลฝอยสิ่งปฏิกูล ปล่อยน้ำเสีย ห้ามกระทำหรือดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้เกิดตะกอนลงสู่ทะเล ห้ามวางร่ม โต๊ะ เตียงผ้าใบ หรือที่นั่งบนพื้นที่ชายหาดสาธารณะ ยกเว้นพื้นที่ที่กำหนดไว้ การขับขี่ยานพาหนะบนชายหาด ต้องปฏิบัติตามวิธีการที่กำหนด

บริเวณที่ 2 พื้นที่ตั้งแต่แนวชายฝั่งทะเลลงมาจนถึงแนวปะการังธรรมชาติและบริเวณต่อเนื่อง ห้ามการดำเนินกิจกรรมกีฬาทางน้ำหรือกิจกรรมท่องเที่ยวทางน้ำทุกชนิด ห้ามทำการประมงทุกชนิด ยกเว้นเครื่องมือเบ็ดตกปลา ห้ามทำการประมงในบริเวณแนวปะการังกองหินอ่าวปีป อ่าวคอกิ่ว อ่าวใหญ่ อ่าวเขาควาย และเกาะขาม ห้ามทิ้งสมอในบริเวณแนวปะการัง ห้ามทิ้งขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล ปล่อยน้ำเสีย ห้ามกระทำหรือดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่เป็นการทำลายของแนวปะการัง ซากปะการัง กัลปังหา สัตว์น้ำในแนวปะการังหรือสัตว์ทะเลหายาก ห้ามให้อาหารสัตว์น้ำ ห้ามก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใด ๆ เว้นแต่เมื่อได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ต้องปฏิบัติตามมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการที่กำหนด กิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ควรคำนึงถึงการรองรับของพื้นที่ ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมต้องปฏิบัติตามจุดหรือเขตกำหนด

บริเวณที่ 3 พื้นที่แหล่งหญ้าทะแลและบริเวณต่อเนื่อง ห้ามทิ้งขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล ปล่อยน้ำเสีย ห้ามกระทำหรือดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่เป็นการทำลายต่อสภาพแวดล้อมของแหล่งหญ้าทะเล สัตว์น้ำในแหล่งหญ้าทะเล หรือสัตว์ทะเลหายาก ห้ามการทำประมงด้วยเครื่องมืออวนกระทุ้งน้ำ เบ็ดราวกระเบน และการใช้เครื่องปั้มลมประกอบ
บริเวณที่ 4 พื้นที่ทะเลถัดจากบริเวณที่ 2 และบริเวณที่ 3 ออกไปภายใน บริเวณเส้นตรงที่เชื่อมต่อจุดพิกัด ทั้ง 7 จุดตามประกาศฯ ห้ามทิ้งขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล ปล่อยน้ำเสีย ห้ามกระทำหรือดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่เป็นการทำลายต่อสภาพแวดล้อมของแนวปะการัง แหล่งหญ้าทะเล ซากปะการัง กัลปังหา สัตว์น้ำในแนวปะการังและแหล่งหญ้าทะเล และสัตว์ทะเลหายาก

ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่กำหนดจะดำเนินตามบทลงโทษตามมาตรา 22 ของพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 คือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน200,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ