สทนช. ลงพื้นที่ต่อเนื่องจังหวัดบึงกาฬ ติดตามความพร้อมตามมาตรการรับมือฤดูฝน เสนอ“หนองกุดทิง” เป็นพื้นที่แก้มลิงรองรับน้ำหลากลดผลกระทบในพื้นที่

เลขาธิการ สทนช. ลงพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ติดตามความก้าวหน้าตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 68 ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ย้ำต้องสำรวจและเตรียมความพร้อมรองรับพื้นที่เปราะบางเสี่ยงน้ำท่วม เสนอให้ใช้ “หนองกุดทิง” เป็นเครื่องมือบริหารจัดการน้ำในลักษณะแก้มลิงช่วยลดผลกระทบในพื้นที่

วันที่ 25 มิถุนายน 2568 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดบึงกาฬ โดยมี นายนคร ศิริปริญญานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมใหญ่ โครงการชลประทานบึงกาฬ หลังจากนั้นลงพื้นที่ติดตามแผนการบริหารจัดการน้ำและพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ณ ประตูระบายน้ำห้วยกำแพง และห้วยผาคาง อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ต่อเนื่องในช่วงบ่าย คณะฯ ได้เดินทางไปติดตามแผนการบริหารจัดการน้ำ ณ ประตูระบายน้ำห้วยหลวงตอนล่าง บ้านแดนเมือง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย เพื่อเป็นข้อมูลเข้าที่ประชุมร่วมกับจังหวัดหนองคายในวันพรุ่งนี้ (26 มิถุนายน 2568) ด้วย

เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดบึงกาฬในวันนี้ เป็นการลงพื้นที่ต่อเนื่อง 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสกลนคร นครพนม บึงกาฬ และหนองคาย เพื่อติดตามผลการดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับสถานการณ์น้ำของจังหวัดบึงกาฬ จากการบูรณาการร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) คาดการณ์ปริมาณฝน ONE MAP พบว่า ช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน มีแนวโน้มปริมาณฝนตกสะสมจำนวนมาก ในขณะที่อ่างเก็บน้ำของจังหวัดบึงกาฬ จำนวน 991 แห่ง ขณะนี้มีปริมาตรน้ำรวม 34.60 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 63% ของความจุเก็บกัก โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 2 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยซำ มีปริมาตรน้ำคิดเป็น 44% ของความจุเก็บกัก และอ่างเก็บน้ำห้วยสหาย ปริมาตรน้ำคิดเป็น 27% ของความจุเก็บกัก ในภาพรวมยังคงมีพื้นที่รองรับปริมาณฝนได้ ทั้งนี้ ได้คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัย (น้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน) ช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม – ตุลาคม เพื่อเฝ้าระวังและเตรียมการรองรับล่วงหน้าในพื้นที่อำเภอต่างๆ ได้แก่ อำเภอเมืองบึงกาฬ อำเภอเซกา อำเภอโซ่พิสัย อำเภอปากคาด และอำเภอพรเจริญ

นอกจากนี้ สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) ได้คาดการณ์และประเมินสถานการณ์ว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและล้นตลิ่งทั้งในพื้นที่ประเทศไทย สปป.ลาว รวมถึงบางพื้นที่ของประเทศกัมพูชา โดยประเทศไทยจะมีผลกระทบใน 4 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย บึงกาฬ นครพนม และมุกดาหาร ในการนี้ รัฐบาลโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการในการประชุมผู้บริหารระดับสูงหรือเทียบเท่า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเตรียมการรองรับสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากมีความห่วงใยว่าจะมีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ซึ่ง สทนช. เองก็ได้ดำเนินการคู่ขนานโดยได้มีการเจรจาหารือร่วมกับ สปป.ลาว โดยมี MRCS เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อการเจรจาในการคาดการณ์สถานการณ์ฝนและปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขง รวมทั้งแนวทางการบริหารจัดการน้ำร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อลดระดับน้ำล้นตลิ่งริมแม่น้ำโขงให้ได้มากที่สุด

“ในวันนี้ ต้องขอชื่นชมว่าจังหวัดบึงกาฬได้มีการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการเชิงรุกตามมาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็น การซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเฉพาะพื้นที่ในแต่ละอำเภอ การเตรียมความพร้อมอาคารชลศาสตร์โทรมาตร เครื่องจักร เครื่องมือ การตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยคันกั้นน้ำ ทำนบ พนังกั้นน้ำ เป็นต้น และทางจังหวัดบึงกาฬก็จะนำข้อมูลการคาดการณ์และการประเมินสถานการณ์ต่างๆ ที่ได้รับจากที่ประชุมวันนี้  ไปประชุมเพื่อวางแผนรองรับสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ทันที ซึ่งได้แนะนำเพิ่มเติมว่า การดำเนินการเชิงป้องกันสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ การดูแลพื้นที่เปราะบางที่มีความเสี่ยงน้ำท่วม ได้แก่ โรงพยาบาล โรงเรียน ศูนย์ราชการ เป็นต้น ควรเตรียมการป้องกันจัดวางกระสอบทรายให้ได้มาตรฐานเพื่อการป้องกันที่เหมาะสม การเตรียมแผนอพยพผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ หรือเด็กเล็ก รวมถึงการเร่งดำเนินการในพื้นที่ที่มีสิ่งกีดขวางทางน้ำเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ลำน้ำสาขาแห่งใดยังไม่มีประตูกั้นน้ำจากแม่น้ำโขง อาจพิจารณาทำในลักษณะประตูกั้นน้ำชั่วคราว หรือ Big bag ไว้ล่วงหน้า นอกจากนี้ ยังได้แนะนำว่า พื้นที่หนองกุดทิง สามารถใช้เป็นเครื่องมือรองรับน้ำและกักเก็บน้ำในลักษณะพื้นที่แก้มลิงได้อีกด้วย  ดังนั้น ช่วงเวลา 20 – 30 วันจากนี้ นับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จังหวัดบึงกาฬจะเร่งดำเนินการเตรียมการเชิงป้องกันให้มีความพร้อมก่อนที่แม่น้ำโขงจะล้นตลิ่งและไหลเข้าสู่ลำน้ำสาขาต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หรือให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด” เลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย