ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 เผยความคืบหน้าการแก้ไขวิกฤตการเงิน รพ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบสาเหตุใช้จ่ายเงินบำรุงไม่เป็นไปตามแผน ขาดประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้และควบคุมรายจ่าย รุก 7 มาตรการหยุดขาดทุนกระแสเงินสด จัดทำแผนเงินบำรุง เพิ่มเงินได้เกิน 10% ลดค่าใช้จ่ายพัสดุลงมากกว่า 20% พร้อมจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ เร่งรัดเรียกเก็บหนี้ หลังดำเนินการ 1 เดือน สถานการณ์เริ่มทรงตัว ล่าสุดขาดทุนลดลง 62 ล้านบาท
วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาโรงพยาบาลขอนแก่นขาดสภาพคล่อง 1,237 ล้านบาท ว่า หลังจาก นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แต่งตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด คือ คณะกรรมการติดตามสถานการณ์และวางนโยบายแก้ไขปัญหาโรงพยาบาลขอนแก่นขาดสภาพคล่อง และคณะกรรมการแก้ไขปัญหาวิกฤตด้านการเงินการคลังของโรงพยาบาลขอนแก่น ได้มีการประชุม 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 9 และ 25 เมษายน 2568 เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ ทบทวนการบริหารจัดการช่วงที่ผ่านมา และสืบสวนหาสาเหตุของปัญหาเพื่อแก้ไขได้ถูกจุด โดย นพ.ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ สาธารณสุขนิเทก์ เขตสุขภาพที่ 7 ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาวิกฤตด้านการเงินการคลังฯ รายงานว่า ตรวจพบรายรับเงินบำรุงไม่เป็นไปตามแผน เนื่องจากขาดประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ผู้ป่วยสิทธิข้าราชการและชำระเงินเองมีน้อยกว่าโรงพยาบาลที่ขนาดและปริมาณผู้ป่วยใกล้เคียงกัน เพราะมีทางเลือกไปรับบริการที่โรงพยาบาลอื่น ขณะที่การควบคุมรายจ่ายเงินบำรุงก็ไม่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นไปตามแผน โดยมีต้นทุนค่าแรงสูงกว่าโรงพยาบาลที่ขนาดและปริมาณผู้ป่วยใกล้เคียงกัน และยังขาดประสิทธิภาพในการควบคุมกำกับการบริหารจัดการภายใน ดังนั้นในระยะแรกคณะกรรมการฯ จึงวางเป้าหมายที่จะหยุดการขาดทุนของกระแสเงินสดหรือเงินบำรุง ให้มีรายรับมากกว่าหรือเท่ากับรายจ่าย โดยเจ้าหนี้ไม่เพิ่มขึ้นและมีปริมาณคงคลังที่เหมาะสม โดยให้โรงพยาบาลดำเนินการตามแนวทางและมาตรการดังนี้
1.ร่วมกันจัดทำแผนเงินบำรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง โดยจัดทำเป็นแผนสมดุลรายรับและรายจ่ายเงินบำรุง และให้คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลควบคุมกำกับอย่างเคร่งครัด 2.จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจด้านการจัดเก็บรายได้ โดยการมีส่วนร่วมของแผนกต่างๆ เพื่อเพิ่มรายรับเงินบำรุงให้มากกว่า 10% 3.ให้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องด้านต้นทุนพัสดุ ทบทวนรายการที่มีมูลค่าการใช้สูงสุด 20 อันดับแรก และกำหนดมาตรการควบคุมการใช้ให้เหมาะสม เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายด้านพัสดุให้ลดลงมากกว่า 20% 4.ให้คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลควบคุมการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตามระเบียบและแผนเงินบำรุง 5.ให้มีการจัดทำ Dashboard สถานการณ์การเงินของโรงพยาบาลเพื่อสื่อสารให้บุคลากรรับทราบข้อมูลและให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา 6.แก้ไขปัญหาสภาพคล่อง โดยเร่งรัดการเรียกเก็บลูกหนี้จากหน่วยบริการภายในจังหวัดและเขตสุขภาพ พร้อมทั้งนำมาตรการเพิ่มรายรับและควบคุมรายจ่ายเงินบำรุงจากคณะทำงานที่เกี่ยวข้องมาจัดทำ “แผนฟื้นฟูกิจการ” เสนอคณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ และขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากส่วนกลาง และ 7.ให้คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลเร่งแก้ไขตามข้อเสนอแนะของกองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
“คณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ จะติดตามการดำเนินงานตามมาตรการเป็นประจำทุกเดือน เพื่อประเมินสถานการณ์และปรับเปลี่ยนมาตรการให้เหมาะสม พร้อมทั้งจะประสานกลุ่มตรวจสอบภายในของกระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนทีมมาช่วยตรวจสอบการดำเนินงานของโรงพยาบาลที่ผ่านๆ มาด้วย เพื่อค้นหาปัญหาและแก้ไขให้ตรงจุด เบื้องต้นจากการดำเนินมาตรการต่างๆ ประมาณ 1 เดือน พบว่าสถานการณ์เริ่มทรงตัว จากเดือนเมษายนที่ผ่านมา ติดลบ 1,237 ล้านบาท ล่าสุดวันที่ 13 พฤษภาคม ติดลบ 1,175 ล้านบาท ลดลงประมาณ 62 ล้านบาท ซึ่งการแก้ไขเรื่องนี้ต้องใช้ระยะเวลาและต้องร่วมกันดำเนินการให้ได้ตามแนวทางมาตรการที่วางไว้” นพ.เอกชัยกล่าว