นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การรถไฟฯ ได้เปิดให้บริการ “สวนเพลินจิต” สวนสาธารณะแห่งใหม่ที่อยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพ จนครบ 1 ปี เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตามนโยบายของนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ต้องการส่งเสริมให้มีโครงการหรือกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 พร้อมทั้งเสริมสร้างสุขภาพที่ดี และสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับประชาชน ตลอดจนเป็นปอดแห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ
ที่ผ่านมา มีประชาชนให้ความสนใจใช้บริการสวนสาธารณะเพลินจิตเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ยังมีประชาชนที่ต้องการนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปร่วมออกกำลังกาย และทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน การรถไฟฯ จึงได้จัดสรรพื้นที่ภายในสวนเพลินจิต สำหรับผู้ที่ต้องการนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปทำกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ ร่วมกันได้ เพื่อเป็นสร้างความสุข และความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว ทั้งนี้ “SRT PET-FRIENDLY PARK” หรือสวนรถไฟ@เพลินจิต จะเปิดให้บริการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เวลา 05.00 – 22.00 น. โดยมีข้อควรปฏิบัติในการใช้บริการ ดังนี้
1. สัตว์เลี้ยงต้องใส่สายจูง หรืออยู่ในรถเข็นตลอดเวลา
2. ต้องเตรียมถุงเก็บมูล และจัดเก็บทันทีหลังมีการขับถ่าย
3. เจ้าของต้องดูแลและรับผิดชอบสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในพื้นที่ตลอดเวลา
สำหรับสวนสาธารณะเพลินจิต ตั้งอยู่บริเวณจุดเชื่อมต่อถนนหลัก 2 สาย คือ ถนนสุขุมวิท และถนนพระราม 4 ซึ่งการรถไฟฯ ได้นำพื้นที่เลียบทางรถไฟสายแม่น้ำ ความยาว 2.5 กิโลเมตร มาพัฒนาให้เป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองที่อยู่ใกล้จุดเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ คือ รถไฟฟ้า BTS และ รถไฟฟ้า MRT รายล้อมด้วยอาคารสำนักงาน ย่านที่พักอาศัย แหล่งชุมชน และมีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังสวนสาธารณะ 2 สวน ได้แก่ สวนลุมพินี และสวนป่าเบญจกิตติ ซึ่งประชาชนสามารถใช้สวนเพลินจิตเป็นเส้นทางสัญจร ที่มีความสะดวก ปลอดภัย เนื่องจากมีการติดตั้งระบบกล้อง CCTV ระบบไฟฟ้าส่องสว่าง พนักงานรักษาความปลอดภัย
นายเอกรัช แจ้งเพิ่มเติมว่า การรถไฟฯ เชื่อมั่นว่า พื้นที่แห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งสวนสาธารณะใจกลางเมืองที่เพียบพร้อม มอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนเมือง และผู้ที่มีสัตว์เลี้ยง ได้มีสถานที่ที่สามารถทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี และสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับประชาชนโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ตลอดจนการเป็นปอดแห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ เป็นการขยายพื้นที่ความสุขให้กับประชาชน ได้มีสถานที่ในการพักผ่อน และออกกำลังกาย ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนต่อไป