นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนตุลาคม 2566 มีมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดน 139,695 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 70,042 ล้านบาท และการนำเข้ามูลค่า 69,653 ล้านบาท โดยไทยได้ดุลการค้าในเดือนตุลาคม 2566 ทั้งสิ้น 389 ล้านบาท
การค้าชายแดนกับ 4 ประเทศ (มาเลเซีย สปป.ลาว กัมพูชา และเมียนมา) เดือนตุลาคม 2566 มีมูลค่าการค้ารวม 74,778 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 46,223 ล้านบาท และการนำเข้ามูลค่า 28,555 ล้านบาท โดยไทยได้ดุลการค้าชายแดนรวม 17,667 ล้านบาท ซึ่งสินค้าส่งออกชายแดนที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันดีเซล 3,284 ล้านบาท น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ 1,417 ล้านบาท และเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ 1,301 ล้านบาท
การค้าผ่านแดนไปประเทศที่สาม (จีน สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศอื่นๆ) เดือนตุลาคม 2566 มีมูลค่ารวม 64,917 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 23,820 ล้านบาท และการนำเข้ามูลค่า 41,098 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกผ่านแดนที่สำคัญ ได้แก่ ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ 3,208 ล้านบาท ยาง T.S.N.R. 2,876 ล้านบาท และทุเรียนสด 2,208 ล้านบาท
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การค้าชายแดนในเดือนตุลาคม 2566 หดตัวเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีความเปราะบาง ไม่ว่าจะเป็น สปป.ลาว ที่อัตราเงินเฟ้อสูงและค่าเงินกีบยังคงอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์การสู้รบในเมียนมา ส่งผลต่อการส่งออกของไทยไปยังทั้ง 2 ประเทศดังกล่าว ซึ่งมากกว่า 80% เป็นการค้าชายแดน โดยการส่งออกชายแดนไป สปป.ลาว และเมียนมา หดตัว 14.5% และ 9.9% ตามลำดับ ในขณะที่การส่งออกผ่านแดนไปจีนขยายตัว 9.0% ซึ่งขยายตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยสินค้าที่ขยายตัวสูง ได้แก่ ทุเรียนสด 2,206 ล้านบาท (+162.8%) ไม้แปรรูป 1,990 ล้านบาท (+131.7%) และยาง T.S.N.R. 1,476 ล้านบาท (+48.7%)
“กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการผลักดันการค้าชายแดนให้ขยายตัวมากขึ้น โดยอยู่ระหว่างการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการค้าและการลงทุนชายแดนและผ่านแดนเพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการค้าและการลงทุนชายแดนและผ่านแดน ปี 2567 – 2570 ซึ่งมีเป้าประสงค์หลักในการเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เป็น 2 ล้านล้านบาทต่อปี ในปี 2570 โดยพร้อมให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การติดตามการยกระดับ/การเปิดจุดผ่านแดน ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีจุดผ่านแดนฝั่งไทยเปิดแล้ว 86 แห่ง จากทั้งหมด 95 แห่ง ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเปิด 73 แห่ง โครงการจับคู่กู้เงิน โดยร่วมมือกับ EXIM Bank และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อย (บสย.) ในการปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่การส่งออก รวมถึงผู้ประกอบการค้าชายแดน ซึ่ง ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 มีผู้ประกอบการยื่นขอสินเชื่อ 1,710 ราย วงเงินรวม 6,631.7 ล้านบาท อนุมัติวงเงินแล้ว 1,658 ราย วงเงินรวม 6,458.3 ล้านบาท การสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการค้าชายแดน และประสานงานการจัดตั้งศูนย์บริการการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service: OSS) ในจังหวัดชายแดนที่มีศักยภาพ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ตาก ตราด สงขลา หนองคาย นครพนม และมุกดาหาร ตามแนวทางการดำเนินการตามแผนเร่งรัดการค้าชายแดน Quick Win ภายในปี 2566” นายรณรงค์กล่าว