กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ขอรายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ ประจำวันที่ 22 กันยายน 2566 ดังนี้
1. ประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ
ตามประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 19/2566 ลงวันที่ 20 กันยายน 2566 แจ้งเฝ้าระวังระดับน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงวันที่ 22 – 26 กันยายน 2566 กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ติดตามสถานการณ์น้ำ พบว่ามีฝนตกหนักและตกสะสมในภาคเหนือ และภาคกลาง คาดการณ์จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำจังหวัดนครสวรรค์ (C.2) อยู่ในเกณฑ์ 900 – 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมีน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขาไหลมารวมกับแม่น้ำเจ้าพระยา ปริมาณ 90 – 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยา อยู่ในเกณฑ์ 990 – 1,320 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ดังนั้นจึงมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น อยู่ในเกณฑ์ 700 – 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.60 – 0.80 เมตร
2. ผลการดำเนินงานตาม 12 มาตรการ รองรับฤดูฝน ปี 2566
กรมชลประทาน ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ติดตั้งบริเวณบ้านนาแบก ตำบลเวียงคำอำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันเกิดจากปริมาณน้ำที่ท่วมขังเนื่องจากสถานการณ์ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง
3. การบริหารจัดการน้ำ การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์
เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2566 นายบุญสม ชลพิทักษ์วงศ์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามการบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ภาคใต้และความก้าวหน้าผลการจัดทำผังน้ำ ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน รวมทั้งโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยรองเลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า พื้นที่ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน มักประสบ ปัญหาด้านอุทกภัยเป็นประจำเนื่องจากปริมาณฝนตกหนักในพื้นที่ รวมทั้งได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเลหนุนสูงในบางครั้ง สาเหตุจากการไหลของน้ำที่ผ่านเส้นทางน้ำหลากถูกเปลี่ยนทิศทางหรือมีสิ่งกีดขวางจากการก่อสร้างต่าง ๆ เป็นผลมาจากการขยายตัวของชุมชนและการใช้ป ระโยชน์ที่ดินที่ไม่เหมาะสม ขาดการควบคุมและไม่คำนึงถึงทางระบายน้ำตามธรรมซาติ ทำให้มีพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยในเกณฑ์สูง สทนช. ได้เดินหน้าขับเคลื่อนการจัดทำผังน้ำให้ครบ 22 ลุ่มน้ำครอบคลุมทั่วประเทศ ปัจจุบัน ดำเนินการไปแล้ว 8 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำแม่กลองลุ่มน้ำบางปะกง ลุ่มน้ำซี ลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำสะแกกรัง ลุ่มน้ำปาสัก ลุ่มน้ำท่าจีน ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาจัดทำผังน้ำ 14 ลุ่มน้ำ ซึ่งผังน้ำจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสนับสนุนแผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วมและภาวะน้ำแล้ง เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการพิจารณาความเหมาะสมการพัฒนาที่อยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมทั้งการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดิน กำหนดพื้นที่ซึ่งควรสงวนไว้ให้เป็นทางน้ำหลากเพื่อไม่ให้เกิดการกีดขวางการไหลของน้ำ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สำหรับผลการดำเนินงานการจัดทำผังน้ำ ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออก อยู่ระหว่างการแก้ไขรายงานฉบับสุดท้าย เพื่อเตรียมนำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) ให้ความเห็นชอบ และประกาศใช้ต่อไป