วันที่ 26 มิถุนายน 2566 นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (รรท.อทช.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประชุมภาคีชุมชนชายฝั่ง อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล (อสทล.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 10 ใน 3 พื้นที่ ประกอบด้วย จังหวัดพัทลุง นครศรีธรรมราช และสงขลา ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเวทีนี้ โอกาสนี้มี นายปรีชา วนชุติกุล ผู้ตรวจราชการกรม นางดาวรุ่ง ใจจริง ผู้อำนวยการกองอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน ดร.แสงจันทร์ วายทุกข์ ผู้อำนวยการกองจัดการชุมชนชายฝั่งและเครือข่าย นายมงคล ไข่มุกด์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (สงขลา) นายสมไชย เก้าเอี้ยน ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 (ตรัง) นายมนตรี หามนตรี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 (ปัตตานี) นายวิษณุ แจ้งใจ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 (กระบี่) พร้อมด้วยผู้บริหาร ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทน ศรชล.จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้นำชุมชน กลุ่มเครือข่ายชุมชนชายฝั่ง กลุ่มอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรทะเลประมงชายฝั่ง สมาคมประมงพื้นบ้าน อาสามัครพิทักษ์ทะเล ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น จำนวน 100 คน ณ โรงแรมปุระนคร ตำบลท่าวัง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (รรท.อทช.) เปิดเผยว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จัดโครงการประชุมภาคีชุมชนชายฝั่งฯ ขึ้นเพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการจัดเวทีกลางสำหรับเครือข่ายภาคีฯ คณะกรรมการฯ ระดับจังหวัด อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล (อสทล.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร สร้างเวทีการสื่อสารร่วมเพื่อพัฒนาข้อมูลความรู้ในทางนโยบาย ระเบียบ กฎหมาย ข้อมูลระดับพื้นที่สภาพระบบนิเวศ แหล่งทรัพยากรการจัดการทรัพยากรในท้องถิ่นของชุมชน สำหรับการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในด้านจัดการ ดูแล รักษาและบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกิดความร่วมมือในการทำงาน เป็นเครือข่ายภาคี ในระดับต่างๆ ก่อให้เกิดเป็นแนวร่วมด้านบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงเป็นฐานข้อมูลสำหรับพัฒนาระบบการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และบุคลากรเพื่อพัฒนาความรู้ แนวคิดร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ และบทบาทที่เกี่ยวข้องให้กับประชาชน เยาวชน ผู้ประกอบการ นักวิชาการ นักอนุรักษ์ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วนเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อให้การอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกิดการป้องกัน และดูแลทรัพยากรอย่างเข้าใจและถูกวิธี
ด้าน นายอภิชัย เอกวนากุล กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กรม ทช. มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการเสนอแนะนโยบายและแนวทางในการส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จัดทำฐานข้อมูลชุมชนเครือข่ายเพื่อการส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ศึกษา วิเคราะห์ ส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการร่วมสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการแสดงความคิดเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติและจังหวัด คอยให้คำปรึกษา ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีแก่ประชาชน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทั้งช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมในเรื่องดังกล่าว เผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับการบริหารจัดการ การปลูก การบำรุงรักษา การอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร ทางทะเลและชายฝั่ง ส่งเสริมและสนับสนุนงานที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการพื้นที่ ตามข้อตกลงสากลร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ ที่เกี่ยวข้อง กับการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของทุกภาคส่วนของสังคม ในด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน รวมทั้งสนับสนุน เสริมสร้าง พัฒนา และสร้างความเข้มแข็งให้แก่สังคมและชุมชน ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการทำงานร่วมกับภาคประชาชน องค์กร หน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในด้านจัดการ ดูแล รักษาและบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เกิดความร่วมมือในการทำงาน เป็นเครือข่ายภาคี ในระดับต่างๆ ก่อเกิดเป็นแนวร่วมด้านบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและขับเคลื่อนกระบวนการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมมีประสิทธิภาพ โดยกรม ทช. ได้จัดเวทีกลางสำหรับเครือข่ายภาคีฯ คณะกรรมการฯ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล (อสทล.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ของพื้นที่จังหวัดพัทลุง นครศรีธรรมราช และสงขลา รวมถึงกำลังสนับสนุนทั่วทั้ง 24 จังหวัดชายฝั่งทะเล เพื่อรวมพลังเครือข่ายในการขับเคลื่อนการทำงาน ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกันอนุรักษ์ สงวน คุ้มครอง และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในท้องถิ่น สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมและสร้างความตระหนักให้ภาคประชาชนรู้สภาพปัญหาด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และสามารถกำหนดแผนงานเพื่อแก้ไขปัญหาเองได้ รวมถึงการกระตุ้นให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ หรือชุมชนของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยทั้ง 3 พื้นที่ เป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพ อันมีคุณค่ายิ่งต่อระบบนิเวศ และการดำรงชีพของประชาชนรอบพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อยครอบคลุมพื้นที่ดังกล่าวฯ ที่เป็นแหล่งรวบรวมความรู้ทางธรรมชาติวิทยา วัฒนธรรม และมีความงามของทิวทัศน์ที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยว สองฝั่งทะเล จากเกาะสู่แผ่นดิน และธรรมชาติจากอันดามันสู่อ่าวไทย มีสัตว์ทะเลน้อยใหญ่และสัตว์ทะเลหายากอาศัยอยู่ รวมถึงการประมงพื้นบ้านเพื่อดำรงชีพ และสร้างรายได้ให้กับครอบครัว จนถึงการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว ให้กับประเทศ ในส่วนของการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง มีการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ได้แก่ การปรับสมดุลชายฝั่งตามธรรมชาติ การฟื้นฟูเสถียรภาพชายฝั่ง การป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง
โดยมีการปักไม้ไผ่ชะลอความรุนแรงของคลื่นเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลและชายฝั่งที่ยั่งยืน สำหรับจังหวัดพัทลุง มีเครือข่ายชุมชนชายฝั่ง จำนวน 6 กลุ่ม/156 คน อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล จำนวน 162 คน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีเครือข่ายชุมชนชายฝั่ง จำนวน 21 กลุ่ม/669 คน อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล จำนวน 602 คน และจังหวัดสงขลา มีเครือข่ายชุมชนชายฝั่ง จำนวน 48 กลุ่ม/1,489 คน อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล จำนวน 1,942 คน พร้อมกันนี้ รรท.อทช. กล่าวว่า หลังจากการปิดประชุมดังกล่าวฯ ว่า จะมีการจัดประชุมเครือข่ายภาคีฯ ในระดับประเทศภายในปี 2566 เพื่อรับฟังข้อเสนอเเนะ กรอบแนวทางการขับเคลื่อนบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงการปกป้อง คุ้มครอง และแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนต่อไป “นายอภิชัย เอกวนากุล กล่าวทิ้งท้าย”