ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.ปัตตานี (128) จ.จันทบุรี (108)
จ.เชียงราย (53) จ.นครพนม (51) จ.พระนครศรีอยุธยา (25) และจ.กาญจนบุรี (20)
ปริมาตรแหล่งน้ำทุกขนาด 42,705 ล้าน ลบ.ม. (52%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 38,299 ล้าน ลบ.ม. (54%)
คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี
พื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังน้ำหลากช่วง 1-3 วัน ดังนี้ ภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และตาก ภาคตะวันออก จ.ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคตะวันตก กาญจนบุรี ภาคใต้ จ.ระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต กระบี่ ตรัง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอเขาค้อ นำเครื่องสูบส่งน้ำระยะไกลสูบน้ำจากลำน้ำเข็กเข้าสู่สระประปา หมู่ที่ 10 ตำบลหนองแม่นา จำนวน 2 สระ และขณะนี้ได้ขยายสายสูบน้ำระยะทาง 1,200 เมตร ไปยังสระประปา หมู่ที่ 8 ตำบลหนองแม่นา เดินเครื่องสูบน้ำสูงสุด 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
กอนช.ติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และได้ประเมินคาดการณ์ปริมาณน้ำต้นทุนโดยใช้ฝนคาดการณ์ ONEMAP รายเดือนกรณีค่าต่ำสุด เมื่อสิ้นสุดฤดูฝน ณ วันที่ 1 พ.ย.66 พบว่า ทุกภาคมีปริมาณน้ำน้อยกว่าน้ำต้นทุน ปี 2565 โดยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก มีปริมาณน้ำร้อยละ 60 -70 ส่วนภาคกลาง ร้อยละ 50 และภาคใต้ ร้อยละ 80
กอนช. ยังได้คาดการณ์อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงน้อย (ปริมาตรน้ำต่ำกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำกักเก็บต่ำสุด Lower Rule Curve) พบว่ามีจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ภาคเหนือ อ่างฯ แม่มอก ภาคกลาง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ภาคตะวันตก อ่างฯปราณบุรี และภาคตะวันออก อ่างฯ คลองสียัด
กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าฤดูฝนปี 2566 จะมีปริมาณฝนตกน้อยกว่าเฉลี่ยประมาณร้อยละ 5 – 10 และช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม ปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลงส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำด้านการเกษตรได้
ทั้งนี้ กอนช.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในช่วงฤดูฝนนี้ และฤดูแล้ง 2566/67 เพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดปี