กลับสู่ภาวะปกติแล้วสำหรับสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน 6 จังหวัดภาคใต้หลังเกิดปัญหาผลผลิตตกค้างเหตุโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มปิดหยุดเดินเครื่องช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2566 ที่ผ่านมาทำให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการแปรรูปได้ ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว
จากวันที่ 12 มกราคม 2566 กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมประชุมหารือกับสมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ผู้ประกอบลานเทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางออกร่วมกัน พร้อมสั่งการให้โรงงานสกัดน้ำมันที่หยุดทำการกลับมาเดินเครื่องตามปกติในทันที ยกเว้นบางโรงที่ปิดเพื่อซ่อมตามวงรอบประจำปี โดยล่าสุดโรงงานสกัดทั้งหมด 131 โรงได้เปิดเดินเครื่องและดำเนินการรับซื้อทั้งหมดแล้ว
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เผยความคืบหน้าสถานการณ์ปาล์มน้ำมันล่าสุด(ณ วันที่ 19 ม.ค.66)ว่าขณะนี้ปัญหาปาล์มน้ำมันที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มทุกโรงและลานเททุกแห่งได้เปิดดำเนินการตามปกติ รับซื้อผลปาล์มจากแหล่งปลูกเข้าสู่โรงงานสกัดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาปาล์มคุณภาพขณะนี้ได้ขยับขึ้นมาเกิน 5 บาท
“วันนี้ทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่มีการปัญหารอคิวหน้าโรงงาน ไม่มีปัญหาลานเทชะลอการรับซื้อ ขอให้พี่น้องชาวสวนปาล์มสบายใจสามารถตัดปาล์มส่งขายได้ตามปกติ ส่วนราคารับซื้อหน้าโรงงานก็ขยับสูงขึ้นเกิน 5 บาทไปแล้ว ตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ 4.50-5.20 บาทสำหรับปาล์มคุณภาพหรือผลปาล์มสุก” นายอุดม เผย
รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ย้ำด้วยว่าไม่อยากให้เกษตรกรมุ่งไปที่ราคาเพียงอย่างเดียวแต่ให้มามองต้นทางกระบวนการผลิตปาล์มคุณภาพด้วย ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อราคา นอกจากนี้จะต้องหาวิธีลดต้นทุนการผลิตในด้านต่าง ๆ เช่น ทำอย่างไรให้ลดการใช้ปุ๋ยเคมีลง แต่ไม่ส่งผลต่อคุณภาพผลผลิต เช่นการเพิ่มอินทรียวัตถุในดินจากทางใบปาล์ม ซึ่งจะช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้ระดับหนึ่ง เป็นต้น
นอกจากนี้เกษตรกรยังต้องหมั่นดูแลต้นปาล์มโดยการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากปาล์มเป็นพืชที่ต้องการน้ำในปริมาณมาก ที่สำคัญต้องตัดปาล์มสุกเท่านั้น จะได้น้ำหนักมากและจำหน่ายได้ในราคาสูง สำหรับในส่วนของผู้ประกอบการนั้นจะต้องรับซื้อผลปาล์มคุณภาพที่ซีพีโอ(CPO)18% ขึ้นไปและปฏิเสธรับซื้อปาล์มอ่อนในทุกกรณี
อย่างไรก็ตามกรมการค้าภายใน ยังได้ประสานฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าทั้งน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มเมล็ดในและเข้มงวดการขนย้าย หากพบมีการลักลอบนำเข้าหรือลักลอบขนย้ายได้กำชับให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด โดยมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีกดราคารับซื้อหรือหยุดรับซื้อโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรจะมีโทษฐานทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคามีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีเบาะแสหรือพบพฤติกรรมดังกล่าว แจ้งได้ที่สายด่วน 1569