วันที่ 18 มกราคม 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการให้บริการโครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการ ณ บริษัท เอส บี อุตสาหกรรมเครื่องเรือน จำกัด อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี โดยมี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม นายพิเดช ชวาลดิฐ ผู้บริหารบริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมเครื่องเรือน จำกัด นายธนทัต ชวาลดิฐ ผู้บริหารบริษัทสักทอง (ไทย) จำกัด นายแพทย์ยอร์น จิระนคร ผู้บริหารโรงพยาบาลเกษมราษฎร์รัตนาธิเบศร์ นายแพทย์ สุรพันธ์ ทวีวิกยการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดนนทบุรี และเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม ให้การต้อนรับ
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมป้องกันให้ผู้ประกันตนมีสุขภาพที่ดี โดยเน้นหลักการ “ป้องกัน ดีกว่าแก้ไข” จึงสั่งการกระทรวงแรงงานเร่ง click off โครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการ “ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบให้สำนักงานประกันสังคม ดำเนินโครงการดังกล่าวโดย มีวัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันและควบคุมโรค ค้นหาความเสี่ยงด้านสุขภาวะ และใช้เทคโนโลยีเข้ามาให้บริการด้านการแพทย์ ซึ่งหากผู้ประกันตนได้รับการตรวจสุขภาพเพื่อค้นหาโรคและเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงจากโรคเนื่องจากการทำงานและโรคที่ไม่เนื่องจากการทำงาน อีกทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไปกับการรักษาพยาบาล และสามารถ ลดจำนวนวันลางาน รวมทั้งลดอัตราการเจ็บป่วยเรื้อรัง ที่ทำให้เกิดอันตราย พิการและเสียชีวิตได้”
ในวันนี้ ผมได้มีโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมโครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการ ณ บริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมเครื่องเรือน จำกัด เพื่อมอบกำลังใจในการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจากสถานพยาบาลประกันสังคมที่ร่วมกิจกรรมในโครงการฯ และต้องขอขอบคุณ ในความร่วมมือของสถานประกอบการที่เล็งเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพที่ดีของผู้ประกันตน เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงในการทำงาน สามารถเข้าถึงบริการของรัฐ ลดความเลื่อมล้ำทางสังคมและนำสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ในการนี้ นายสุชาติ รมว.แรงงาน ยังกล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า โครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการจะส่งผลดีต่อผู้ประกันตนในวัยแรงงาน ในการดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้นทำให้แรงงานได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย
ด้าน นายพิเดช ชวาลดิฐ ผู้บริหารบริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมเครื่องเรือน จำกัด กล่าวว่า โครงการค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและหัวใจที่กระทรวงแรงงานนำมานำร่องที่สถานประกอบการในวันนี้ เป็นโครงการที่ดี ที่จะช่วยดูแลสุขภาพพนักงานของเราให้พนักงานแต่ละคนเข้าถึงการรักษาสามารถดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ ที่เกิดจากการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป จึงขอขอบคุณรัฐบาล กระทรวงแรงงาน และสำนักงานประกันสังคมที่มีโครงการดีๆ แบบนี้มาสนับสนุนสถานประกอบการเพื่อให้พนักงานปราศจากโรคภัย มีหลักประกันทางสังคมและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
ขณะที่ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงการดำเนินโครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการว่า ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. – 16 ม.ค. 66 ยอดผู้ประกันตนเข้ารับบริการตรวจสุขภาพกับสถานพยาบาล ในสถานประกอบการในพื้นที่นำร่องพร้อมกัน 7 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี ปทุมธานี ระยอง พระนครศรีอยุธยา และสมุทรสาคร เป็นผู้ประกันตนคนไทย 7,104 คน และผู้ประกันตนชาวต่างชาติ 1,433 คน รวมทั้งสิ้น 8,537 คน
การจัดงานในวันนี้ ผมในฐานะเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ต้องขอขอบพระคุณโรงพยาบาลเกษมราษฎร์รัตนาธิเบศร์ และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชันแนล รัตนาธิเบศร์ ที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการจัดให้บริการตรวจสุขภาพให้แก่ ผู้ประกันตนจำนวน 1,500 คน ณ บริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมเครื่องเรือน จำกัด ซึ่งจัดให้มีการตรวจสุขภาพเพื่อค้นหาความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้แก่ ตรวจน้ำตาลในเลือด และตรวจไขมันในเส้นเลือด ให้คำแนะนำ และคำปรึกษา การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเสี่ยง ฯลฯ หากสถานประกอบการใดที่สนใจ และอยู่ในพื้นที่ 7 จังหวัด
สามารถติดต่อสอบถามเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดหรือสาขา ที่สถานประกอบการท่านตั้งอยู่ โดยสำนักงานประกันสังคมยินดีให้การสนับสนุนดูแลสุขภาพผู้ประกันตน เพราะทุกท่านคือ “คนในครอบครัวประกันสังคม” เลขาธิการ สปส.กล่าวท้ายสุด