วันที่ 5 ตุลาคม 2565 เวลา 14.30 น. นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมด้วย นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง รองอธิบดี นายภาณุวัฒน์ โทนุบล โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดชัยนาท และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รุดตรวจสอบความเสียหายโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนสรรพยา จังหวัดชัยนาท พร้อมร่วมกันวางแผนรับมือกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ เพื่อจำกัดความเสียหายให้อยู่ในวงที่แคบลง ลดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่
นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า จากกรณีที่เขื่อนเจ้าพระยา ได้เพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดอย่างรวดเร็ว จากอัตรา 2,100 ขึ้นไปเป็น 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้กระแสน้ำที่ไหลผ่าน อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ไหลแรงและสูงขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับมีฝนตกในพื้นที่ทำให้แนวกระสอบทรายกั้นริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณ หมู่ที่ 1 – หมู่ที่ 5 ตำบลหาดอาษา อำเภอสรรพยา ไม่สามารถต้านทานกระแสน้ำได้ ทำให้น้ำล้นคันกระสอบทรายและพังทลายหลายจุด แม้ชาวบ้านและทหารจะช่วยกันซ่อมแซมตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่ก็กั้นไม่อยู่ น้ำทะลักเข้าท่วมบ้านหลายร้อยหลังคาเรือน ส่วนหมู่ที่ 5 บ้านงิ้ว ตำบลโพนางดำออก อำเภอสรรพยา ถูกน้ำท่วมแล้วเกือบทั้งหมู่บ้าน ระดับน้ำท่วมสูง 30-60 เซนติเมตร บางจุดท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ถนนทางเข้าวัดมะปราง ถูกน้ำท่วมสูง 20-60 เซนติเมตร และยังสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับที่หมู่ที่ 4 บ้านท้องคุ้ง ตำบลโพนางดำออก น้ำยังหลากเข้าท่วมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายสิ่งของ ยานพาหนะ เครื่องยนต์การเกษตร และสัตว์เลี้ยง หนีน้ำขึ้นไปไว้ริมถนนคลองมหาราช นั้น
อธิบดี กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่เพื่อมาตรวจสอบโครงการระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนสรรพยา ซึ่งกรมฯ ได้ดำเนินการก่อสร้างไว้ทั้งหมด 3 ระยะ ระยะที่ 1 บริเวณซอยสรรพยา 15 ถึง 25 ความยาว 642 เมตร ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อ กันยายน 2557 ระยะที่ 2 บริเวณซอยสรรพยา 25 ถึง 39 และซอยสรรพยา 13 ถึง 15 ความยาว 1,188 เมตร ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อ ตุลาคม 2562 และระยะที่ 3 ความยาว 1,225 เมตร ดำเนินการแล้วเสร็จ ตุลาคม 2562 ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำที่ผ่านมาหลายจุด ทำให้โครงการไม่สามารถป้องกันน้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงต้องบูรณาการทุกหน่วยงานในการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น โดยการนำกระสอบทรายมาทำเป็นคันป้องกันน้ำ นอกจากนี้ กรมฯ ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำในการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ชุมชน จำนวน 10 เครื่อง เพื่อจำกัดพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายให้แคบลง อย่างไรก็ตามกรมฯ ได้ประสานแต่ละจังหวัด ให้ดำเนินการตรวจสอบโครงการในพื้นที่ ให้มีความพร้อม สามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ เพื่อให้ประชาชนเกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินต่อไป