สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 27 ส.ค. 65 เวลา 7.00 น.

+ ประเทศไทยตอนบนเริ่มมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ส่วนมากบริเวณด้านรับมรสุม และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้

+ ปริมาณฝน 24 ชั่วโมง สูงสุดที่ จ.บึงกาฬ (157) จ.เพชรบุรี (152) และ จ.นครนายก (116)

+ ปริมาณน้ำ แหล่งน้ำทุกขนาด 51,480 ล้าน ลบ.ม. (63%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 44,918 ล้าน ลบ.ม. (63%) เฝ้าระวังน้ำต่ำกว่าเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำ จำนวน 1 แห่ง บริเวณภาคเหนือ เฝ้าระวังน้ำสูงกว่าเกณฑ์บริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำ จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ แม่งัด กิ่วลม ป่าสักฯ อุบลรัตน์ น้ำพุง บางพระ และบึงบระเพ็ด

 + เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำวังล้นตลิ่ง ตามที่เขื่อนกิ่วลมปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำเป็น 201 – 250 ลบ.ม./วินาที จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ริมตลิ่งสองฝังแม่น้ำวัง ในพื้นที่ จ.ลำปาง และตาก

 เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำชีล้นตลิ่ง ในพื้นที่ จ.มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ในระหว่างวันที่ 26 – 31 ส.ค. 65

 เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำมูลล้นตลิ่ง ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ได้แก่ อ.ราษีไศล ยางชุมน้อย อุทุมพรพิสัย เมืองศรีสะเกษ และกันทรารมย์

+ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เป็นประธานการประชุม กอนช.ครั้งที่ 1/2565 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีข้อสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในช่วงฤดูฝนในปีนี้ ที่มีปริมาณฝนมากและมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาอุทกภัยในบางพื้นที่ได้ และให้ดำเนินงานตามมาตรการที่วางแผนไว้อย่างเคร่งครัด

 เห็นชอบโครงสร้างและรูปแบบการดำเนินการของศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ และเห็นผลเป็นรูปธรรม แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนอำนวยการ ส่วนปฏิบัติการ/เผชิญเหตุ และส่วนสนับสนุน

 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือตามกรอบโครงสร้างและรูปแบบการดำเนินการตั้งศูนย์ส่วนหน้าในพื้นที่ 4 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้

 กำชับให้มีแผนเผชิญเหตุเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้ทันท่วงที พร้อมทั้งให้ปรับอำนาจหน้าที่ให้หน่วยงานและภาคเอกชน ที่ไม่ได้อยู่ในศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าฯ สามารถเข้ามาบูรณาการการทำงานร่วมกันได้

+ กอนช. ได้รับรายงานอ่างเก็บน้ำลำตะโคง จ.บุรีรัมย์ ถูดน้ำกัดเซาะบริเวณรอยต่อทำนบดินกับตัวอาคารระบายน้ำล้น เกิดการกัดเซาะดินยุบตัวบริเวณรอยต่ออาคารทางระบายน้ำล้น ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดังนี้

 กรมชลประทานได้มีหนังสือแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณด้านท้ายน้ำแล้ว

 เร่งระบายน้ำเพื่อลดระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำผ่านทางอาคาร Gate Spillway ในอัตรา 104 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งศักยภาพของลำน้ำด้านท้ายอ่างเก็บน้ำสามารถรองรับได้ 150 ลบ.ม.ต่อวินาทีปิดรอยกัดเซาะดังกล่าวด้วยกระสอบทราย (Big bag) และแผ่น Sheet pile