นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (CPI) เดือนมิถุนายน 2565 เท่ากับ 107.58 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2565 (106.62) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.90 (MoM) ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่สูงขึ้นร้อยละ 1.40 (MoM) ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 7.66 (YoY) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการของภาครัฐที่พยายามช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และผู้ประกอบการภาคเอกชนได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการตรึงราคาขายปลีกเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อค่าครองชีพของประชาชน โดยคำนึงถึงการได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างสมดุล ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม หากมองในมิติการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้ พบว่า ปัจจัยหลักยังคงเป็นราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 61.83 และทำให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวร้อยละ 7.66 (YoY) นอกจากนี้ เป็นผลจากหลักการของการคำนวณเงินเฟ้อที่ต้องนำดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมิถุนายนปี 2565ที่ระดับ 107.58 มาคำนวณกับเดือนมิถุนายนปี 2564 ที่ระดับฐานต่ำ (99.93) ทำให้อัตราเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน 2565มีผลลัพธ์ในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นที่ร้อยละ 7.66
สินค้าสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 7.66 (YoY)
•กลุ่มพลังงาน มีอัตราการเติบโตของราคาร้อยละ 39.97 จึงส่งผลให้พลังงานมีสัดส่วนถึงร้อยละ 61.83 ของอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้ ทั้งนี้ สินค้ากลุ่มพลังงานประกอบด้วย น้ำมันเชื้อเพลิง มีอัตราการเติบโตของราคาร้อยละ 39.45 ค่าไฟฟ้าร้อยละ 45.41 และราคาก๊าซหุงต้มร้อยละ 12.63
•กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ มีอัตราการเติบโตของราคาร้อยละ 6.42 จึงส่งผลให้กลุ่มอาหารมีสัดส่วนร้อยละ 34.27 ของอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้ อาทิ เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ และเครื่องประกอบอาหาร สาเหตุที่กลุ่มอาหารมีราคาเปลี่ยนแปลงเนื่องจากพลังงานเป็นต้นทุนแฝงในกระบวนการผลิตสินค้าอาหารทุกขั้นตอน ตลอดจนเป็นต้นทุนโลจิสติกส์ และราคาวัตถุดิบทั้งหมด
•สินค้าอื่น ๆ มีสัดส่วนร้อยละ 3.9 ของอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้ อาทิ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม) ของใช้ส่วนบุคคล (สบู่ถูตัว ยาสีฟัน) ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ (บุหรี่ เบียร์ สุรา) และค่าโดยสารสาธารณะ ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ขณะที่สินค้าสำคัญอีกหลายรายการราคาปรับลดลง
•กลุ่มข้าวแป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง ลดลงร้อยละ 2.73 โดยเฉพาะราคาข้าวสาร เนื่องจากปริมาณผลผลิตมีจำนวนมาก และการจัดโปรโมชันตามห้างสรรพสินค้า
•กลุ่มผลไม้สด ลดลงร้อยละ 2.53 อาทิ เงาะ มังคุด ลองกอง ตามปริมาณผลผลิตที่มีค่อนข้างมาก
•กลุ่มการสื่อสาร ลดลงร้อยละ 0.08 อาทิ ค่าส่งพัสดุไปรษณีย์ และค่าเครื่องรับโทรศัพท์มือถือ
ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนมิถุนายน 2565 สูงขึ้นร้อยละ 13.8 (YoY) เป็นการสูงขึ้นในทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะปิโตรเลียมดิบ ก๊าซธรรมชาติ และสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง จากราคาวัตถุดิบ ต้นทุนการผลิตและการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม
ดัชนีราคาผู้ผลิตซึ่งสะท้อนถึงราคาต้นทุนหรือราคาหน้าโรงงานสูงขึ้นมากกว่าเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเพียงร้อยละ 7.66 แสดงว่าราคาหน้าโรงงานแพงกว่าราคาขายปลีกค่อนข้างมาก ซึ่งชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลได้ดำเนินการเต็มที่ในการช่วยเหลือประชาชนผู้บริโภค ส่วนดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้นร้อยละ 5.5 (YoY) สูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง เนื่องจากราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ต้นทุนการผลิตยังคงปรับตัวสูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ทั้งน้ำมัน ถ่านหิน และอลูมิเนียม
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม อยู่ที่ระดับ 44.3 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 44.7 สาเหตุเกิดจากความกังวลของประชาชนต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะราคาน้ำมันซึ่งเกิดจากมาตรการคว่ำบาตรของประเทศพันธมิตรต่อประเทศรัสเซีย ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก และส่งผ่านมายังเศรษฐกิจไทย
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ยังมีแนวโน้มขยายตัวในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด