1. ผลการดำเนินงานตามมาตรการรองรับ ฤดูฝน ปี 2565
กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมและสนับสนุนน้ำสะอาด ในช่วงวันที่ 13 พ.ค. – 9 มิ.ย. 2565 โดยสูบน้ำ จำนวน 0.26 ล้าน ลบ.ม. ครอบคลุมพื้นที่ 68 ไร่ มีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 1,203 ครัวเรือน
2. สภาพอากาศ
ในช่วงวันที่ 10 – 13 มิ.ย. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาและประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ส่วนในช่วงวันที่ 14 – 15 มิ.ย. 65 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณประเทศไทยตอนบน และภาคใต้
3. แหล่งน้ำทั่วประเทศ
3.1 แหล่งน้ำทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำ 45,790 ล้าน ลบ.ม. (56%) แบ่งเป็น แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 38 แห่ง ปริมาณน้ำ 39,930 ล้าน ลบ.ม. (56%) ขนาดกลาง 355 แห่ง ปริมาณน้ำ 3,413 ล้าน ลบ.ม. (62%)และขนาดเล็ก 139,894 แห่ง ปริมาณน้ำ 2,447 ล้าน ลบ.ม. (48%) โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย ได้แก่ เขื่อนสิริกิติ์ และอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์เก็บกักสูงสุด ได้แก่ เขื่อนกิ่วลม เขื่อนกิ่วคอหมา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนน้ำพุง
3.2 พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) ปริมาณน้ำ 10,295 ล้าน ลบ.ม. (41%) โดยเขื่อนสิริกิติ์ อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย และอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์เก็บกักสูงสุด ได้แก่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
4. สถานการณ์น้ำท่า
สถานการณ์น้ำในแม่น้ำต่าง ๆ อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยถึงปกติ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกมีแนวโน้มลดลง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางมีแนวโน้มทรงตัว ภาคใต้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
5. การบริหารจัดการน้ำ การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์
กรมทรัพยากรน้ำได้ลงนามบันทึกความร่วมมือด้านวิชาการและวิชาชีพด้านวิศวกรรมกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการสนับสนุนวิชาการและวิชาชีพด้านวิศวกรรมที่เกี่ยวกับงานพัฒนาบุคลากรทั้งในส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น และชุมชน รวมถึงการสร้างมาตรฐานวิชาชีพในการทำงานของบุคลากรด้านวิศวกรรม แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการและวิชาชีพวิศวกรรมระหว่างสององค์กร เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาและประยุกต์ใช้ในงานวิศวกรรมทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างประโยชน์ต่อการจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศอย่างยั่งยืน