วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) กรมชลประทาน ถนนสามเสน กรุงเทพมหานคร ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการแถลงข่าว “สรุปการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 และเตรียมรับมือฤดูฝน ปี 2565” โดยมีนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน ดร.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ร่วมแถลงข่าว พร้อมด้วย ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน และนายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทาน เข้าร่วมงาน
ก่อนทำพิธีปล่อยคาราวานเครื่องจักรกลช่วยเหลือประชาชนในช่วงฤดูฝน ผ่านระบบ Video Conference ไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ และถ่ายทอดสดผ่านเพจ Facebook กรมชลประทานกรมชลประทาน แถลงข่าว “สรุปการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 และเตรียมรับมือฤดูฝน ปี 2565” หลังการจัดสรรน้ำฤดูแล้งที่ผ่านมา เป็นไปตามแผนฯที่วางไว้ พร้อมเดินหน้าบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนอย่างเต็มศักยภาพ ตามมาตรการรับมือฤดูฝน 13 มาตรการของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.)
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า การบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 ได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมานี้ ผลการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ การเกษตร รวมไปถึงการควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำสายหลักต่างๆ เป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างเพียงพอตลอดฤดูแล้ง โดยปฏิบัติตามมาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 ทั้ง 8 มาตรการอย่างครบถ้วน อีกทั้งยังมีปริมาณน้ำสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนปี 2565 ตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำหรับแผนการจัดสรรน้ำและการเพาะปลูกพืชฤดูฝนปี 2565 กรมชลประทาน ได้วางแผนบริหารจัดการน้ำ โดยส่งเสริมการเพาะปลูกพืชฤดูฝนให้ใช้น้ำฝนเป็นหลัก ใช้น้ำชลประทานเสริมกรณีฝนทิ้งช่วงหรือปริมาณฝนตกน้อยกว่าคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่สำคัญได้วางแผนบริหารจัดการน้ำภายใต้มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 ทั้ง 13 มาตรการ ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 โดยได้เตรียมการรับมือปัญหาอุทกภัย ด้วยการกำหนดวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ปริมาณน้ำในลำน้ำ กำหนดคน กำหนดผู้รับผิดชอบในพื้นที่ต่างๆ ที่อาจจะได้รับผลกระทบ รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานจังหวัด ร่วมกันติดตามและวิเคราะห์หรือคาดการณ์สถานการณ์น้ำในลำน้ำ การจัดสรรทรัพยากร เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องจักรกล รถขุด รถแทรกเตอร์ หรือเครื่องมือต่างๆ ให้พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา โดยในวันนี้ได้มีการปล่อยคาราวานเครื่องจักรกลและเครื่องมือต่างๆ ที่ประจำอยู่ที่ศูนย์บริหารเครื่องจักรกลที่ 1-7 ของสำนักเครื่องจักรกล จำนวนรวม 5,382 หน่วย ออกไปเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศตลอดช่วงฤดูฝนนี้
“สำหรับการจัดสรรน้ำในภาพรวมทั้งประเทศ พบว่ามีการใช้น้ำไปทั้งสิ้น 22,998 ล้าน ลบ.ม. (แผนจัดสรรน้ำทั้งประเทศจัดสรรไว้รวมทุกกิจกรรม 22,280 ล้าน ลบ.ม. สำรองน้ำต้นฤดูฝน 15,557 ล้าน ลบ.ม.) เกินแผนที่ตั้งไว้เล็กน้อย ด้านผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งทั้งประเทศ มีการเพาะปลูกรวมกว่า 8.11 ล้านไร่ (แผนวางไว้ 6.41 ล้านไร่) ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าปีนี้เราส่งน้ำเกินแผนไปประมาณ 718 ล้าน ลบ.ม. แต่เกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งได้เพิ่มอีก 1.7 ล้านไร่ ซึ่ง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ ได้ขอความร่วมมือพี่น้องเกษตรกรให้ชะลอการทำนาปรัง เนื่องจากมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอ
แต่ในฤดูแล้งที่ผ่านมา กรมชลประทานสามารถบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง ตามปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ ได้อย่างเต็มศักยภาพ ด้วยการจัดสรรน้ำอย่างประณีต ทำให้พี่น้องเกษตรกรในเขตชลประทานมีรายได้จากการเพาะปลูกพืช ส่วนน้ำสำรองต้นฤดูฝนที่เราคาดการณ์ไว้ว่าจะต้องสำรองประมาณ 15,557 ล้าน ลบ.ม. ปรากฏว่าในวันเริ่มต้นฤดูฝน วันที่ 1 พ.ค. 65 เรามีน้ำต้นทุนอยู่ 19,950 ล้าน ลบ.ม. มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 4,393 ล้าน ลบ.ม. ถือว่าเป็นกำไร นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินโครงการจ้างแรงงานชลประทานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง ที่จนถึงขณะนี้มีการจ้างงานไปแล้วกว่า 74,000 คน” นายประพิศฯ กล่าว
ในส่วนของสถานการณ์ฤดูฝนของประเทศไทย ปี 2565 กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าปีนี้จะเริ่มประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2565 ซึ่งใกล้เคียงปกติและจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนตุลาคม 2565 โดยปริมาณฝนรวมของทั้งประเทศในช่วงฤดูฝนตกมากกว่าค่าปกติร้อยละ 3 ซึ่งต่ำกว่าปี 2564 ที่ผ่านมา ที่มีฝนตกสูงกว่าค่าปกติถึงร้อยละ 8 ทั้งนี้ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคมจะเป็นช่วงที่ฝนจะตกน้อย หลังจากนั้นฝนจะตกชุกหนาแน่นในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน
กรมชลประทาน มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนต่อเนื่องไปจนถึงฤดูแล้งอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อให้พี่น้องประชาชนและเกษตรกร ได้มีน้ำใช้ในทุกกิจกรรมตลอดทั้งปีตามศักยภาพที่มีอยู่ ซึ่งการดำเนินงานต่างๆของกรมชลประทานจะสำเร็จไม่ได้เลย หากขาดความร่วมมือร่วมใจจากพี่น้องประชาชน เกษตรกร รวมถึงทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันทำให้การบริหารจัดการน้ำสำเร็จตามแผนที่วางไว้ จึงขอขอบคุณทุกภาคส่วนมา ณ โอกาสนี้