“ยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์ สถานการณ์โดยทั่วไปยังคงดีขึ้น การพบเรือนจำระบาดใหม่ค่อนข้างชะลอตัว ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อได้รับการรักษาหายแล้ว 96.8%”

ในวันอังคารที่ 18 มกราคม 2565 เวลา 13.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตาม การดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 3/2565 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน มีเรือนจำสีขาวอยู่ที่ 136 แห่ง และเรือนจำสีแดง 6 แห่ง ซึ่งในจำนวนดังกล่าว เป็นเรือนจำที่อยู่ระหว่างควบคุมการระบาด 4 แห่ง ส่วนที่เหลืออีก 2 แห่ง เป็นเรือนจำที่อยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค (แผน EXIT) ซึ่งจะทยอยพ้นจากการระบาดอย่างต่อเนื่องปลายสัปดาห์นี้

ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ พบเพิ่ม 10 ราย เป็นการพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 9 ราย และในเรือนจำสีแดงอีก 1 ราย จึงมีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ทั้งสิ้น 499 ราย (กลุ่มสีเขียว 83.6% สีเหลือง 15.6% และสีแดง 0.8%) มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 85,162 ราย หรือ 96.8% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 88,011 ราย โดยไม่มีรายงานการเสียชีวิตเป็นวันที่ 3 จึงมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 187 ราย คิดเป็น 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม ได้ติดตามสถานการณ์ของเรือนจำที่พบการระบาดแต่ละแห่ง โดยพบว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโดยทั่วไปดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีเรือนจำระบาดใหม่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังเป็นไปอย่างชะลอตัว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการทำงานของห้องแยกกักโรคที่สามารถป้องกันเชื้อจากผู้ต้องขังรับใหม่ก่อนเข้าภายในเรือนจำได้เป็นอย่างดี รวมถึงมาตรฐานในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ ที่ดำเนินการได้อย่างเป็นระบบและมีมาตรฐานภายใต้การประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลแม่ข่ายและสำนักงานสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่ ทำให้สามารถค้นหาผู้ติดเชื้อเพื่อดำเนินการรักษาและให้ยาได้อย่างทันท่วงที จึงช่วยลดจำนวนผู้ป่วยอาการหนักและลดอัตราการเสียชีวิตได้ในท้ายที่สุด

ขณะเดียวกัน การดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในผู้ต้องขังสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยพบว่า ปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานได้รับการฉีดวัคซีนจนครบโดสแล้ว จำนวน 264,681 ราย หรือคิดเป็น 94.29% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 280,685 ราย แต่อย่างไรก็ตาม ทุกเรือนจำ/ทัณฑสถานยังคงต้องเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนในผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกราย รวมถึงผู้ต้องขังที่เคยติดเชื้อ หรือเคยได้รับวัคซีนครบโดสแล้วเป็นระยะเวลามากกว่า 3 เดือนเพื่อฉีดเป็นเข็มกระตุ้น ซึ่งจะช่วยรักษาและกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้สามารถป้องกันหรือลดความรุนแรงของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันอังคารที่ 18 มกราคม 2565 พบมีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัวเป็นจำนวน 8 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 5 ราย และเยาวชน จำนวน 3 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 51 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 5 แห่ง พบว่า มีการติดเชื้อ ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นรวมจำนวน 3,368 ราย หรือคิดเป็น 84% จากทั้งหมด 3,926 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 3,931 ราย หรือคิดเป็น 93% จากทั้งหมด 4,220 ราย

*******