นายสรสาสน์ สีเพ็ง ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน ลุยพื้นที่ศรีสะเกษ ติดตามการดำเนินงานโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก”

นายสรสาสน์ สีเพ็ง ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน ลุยพื้นที่ศรีสะเกษ ติดตามการดำเนินงานโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ขับเคลื่อนวาระผ้าทอมือ “ศรีสะเกษ ธานีผ้าศรี…แส่ว” ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม พัฒนาผ้าทอเบญจศรี สู่สากล วันที่ 13 มกราคม 2565 เวลา 13.30 น. กลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านหัวช้าง หมู่ที่ 1 ตำบล หัวช้าง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ

นายสรสาสน์ สีเพ็ง ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วยผู้ช่วยผู้ตรวจราชการกรมพัฒนาชุมชน นายภูไท  ศรีเสน ติดตามการดำเนินงานลงพื้นที่เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ในการขับเคลื่อนวาระผ้าทอมือ “ศรีสะเกษ ธานีผ้าศรี…แส่ว” ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยมีพัฒนาการอำเภออุทุมพรพิสัย นักวิชาการพัฒนาชุมชนอำเภออุทุมพรพิสัยร่วมให้ข้อมูลและให้การต้อนรับ

ในการนี้ นางสาววริศรา โสภาค พัฒนาการจังหวัดศรีสะเกษ มอบหมายให้ นายชัยยงค์ ผ่องใส ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน นายคำพอง วรรณวัติ ผอ.กลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน นายสมยศ  รำจวน พัฒนาการอำเภออุทุมพรพิสัย  พร้อมด้วยนักวิชาการพัฒนาชุมชนจังหวัด/อำเภออุทุมพรพิสัย และกลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านหัวช้าง นำโดย นายสิทธิ์ศักดิ์ ศรีแก้ว ประธานกลุ่มได้นำเสนอข้อมูลความเป็นมาของกลุ่มว่า แรกเริ่มเป็นกลุ่มฯ ที่มีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมทอผ้าไหมเป็นวิถีมาตั้งแต่ดั้งเดิมซึ่งทางกลุ่มฯ มีการทอผ้าไหมตลอดทั้งปี สมาชิกก็จะมารวมตัวกันในการทอผ้าไหม เช่น ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าโสร่ง ผ้าขาวม้า ผ้าพื้น ผ้าไหมลายลูกแก้ว ฯลฯ ซึ่งสมาชิกในกลุ่มแต่ละคนจะมีความสามารถในการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทอผ้าไหม และทำตามความถนัดของแต่ละบุคคล ผลิตภัณฑ์ที่ได้ก็จะเป็นการผลิตผ้าไหมมัดหมี่ย้อมสีธรรมชาติ และผ้าทอเบญจศรีที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดศรีสะเกษ จุดเด่นของกลุ่มคือทักษะด้านการย้อมสีธรรมชาติให้สวยงาม สีติดคงทน ซักแล้วสีไม่ตก ซึ่งกลุ่มฯ ได้มีการเรียนรู้และทดลองพัฒนากระบวนการการย้อมโดยใช้เทคนิคการนำน้ำสนิมเหล็กมาเป็นกระบวนการในการย้อมสีให้คงทน จนได้รับรางวัลตรานกยูงพระราชทาน และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย และสมาชิกกลุ่มที่มีฝีมือจนได้รับรางวัลประกวดระดับชาติ จะเป็นเยาวชนส่วนมาก เพราะกลุ่มเน้น การ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” ภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น และพัฒนาทักษะฝีมือไปอย่างไม่หยุดยั้ง

ซึ่งปัจจุบันนับว่าเป็น Generation 4  นับมาจากบรรพบุรุษ ตนในฐานะประธานกลุ่ม ได้ชักชวนเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีใจรัก ในการทอผ้าไหม และสืบทอดการทอผ้าไหมมาจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนี้แล้ว สมาชิกทุกคนในกลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านหัวช้าง ยังสามารถสืบทอดองค์ความรู้ให้กับเยาวชน   และกลุ่มทอผ้าอื่นๆ ที่สนใจ และอยากให้จุดทอผ้าบ้านหัวช้างเป็นศูนย์เรียนรู้ที่ครบวงจร ทั้งทางด้านการย้อม การทอและการแส่ว สามารถพัฒนาเป็นจุดท่องเที่ยวแวะซื้อสินค้าและเป็นจุดแสดงโชว์สินค้าผ้าไหมมัดหมี่ฯที่ได้รับรางวัลและผ้าที่ได้ทอถวายแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของกลุ่มฯ โดยกิจกรรมที่นำเสนอ มีดังนี้

การนำเสนอผลงานที่ชนะการประกวดรางวัลในระดับประเทศ ผ้าอัตลักษณ์เบญจศรี และผ้าไหมมัดหมี่ลายโบราณ เส้นทางสายไหม กว่าจะเป็นแพรพรรณสวยงาม เริ่มตั้งแต่กระบวนการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม สาวไหม กิจกรรมการย้อมผ้าสีธรรมชาติ  ศรีมะดัน ที่ใช้เปลือกมะดันที่เป็นวัสดุเหลือใช้จากผลิตภัณฑ์ชุมชนเด่น ไก่ย่างไม้มะดัน ของดี๊เมืองสีเกด ซึ่งนับว่าเป็นนโยบายที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษให้ความสำคัญทั้งเรื่องการจัดการขยะ ลดการเผาทำลายแก้ไขปัญหาหมอกควัน กิจกรรมการทอผ้าพื้นเมืองลายโบราณ ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ  กิจกรรมการแส่วผ้าลายพื้นเมือง ลายประยุกต์ และลายอัตลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ การแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเป็นจุดเช็คอิน ถ่ายภาพ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวหรือ กรุ้ปทัวร์ ที่ต้องการมาศึกษาดูงาน หรือมาเยี่ยมชมกลุ่ม

ด้าน นายคำพอง วรรณวัติ ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน กล่าวว่า จังหวัดศรีสะเกษใช้กลไกการบริหารจัดการแบบประชารัฐที่มีทุกภาคีเครือข่าย ทั้งภายในและภายนอกจังหวัดเข้ามามีส่วนในการ “ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ไข ร่วมติดตาม” โดยยึดหลักธรรมาภิบาลเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนจังหวัดจึงได้ประกาศเป็นวาระ “1+ 10 วาระ การขับเคลื่อนจังหวัดสะเกษ บนเส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืน” มีหนึ่งภารกิจที่สำคัญอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมดำเนินการ คือ “การปกป้องเชิดชูสถาบัน”

สำหรับ 10 วาระจังหวัด ส่วนหนึ่งเป็นการต่อยอดการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับเศรษฐกิจฐานราก ดังคำว่า “อะไร อะไร ก็ดี ที่ศรีสะเกษ” ผ่านวาระด้านเศรษฐกิจ โดยมีวาระผ้าทอมือ ศรีสะเกษ ธานีผ้าศรี…แส่ว  ที่คณะทำงานขับเคลื่อนฯได้ร่วมกันพัฒนากันมาจนคว้ารางวัล PMQA ในปี 2564 และ ในปี 2565 ด้วยความร่วมมือจากทางสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) ซึ่งจะนำ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยเฉพาะ “นวัตกรรม Encapsulation”  กระบวนการที่สารหรือส่วนผสมของสาร ถูกเคลือบ ยึดจับ หรือเข้าใจง่ายๆเติมกลิ่นหอม มาพัฒนาผ้าทอเบญจศรี ยกระดับผ้าอัตลักษณ์ ด้านการผลิตผสานภูมิปัญญา ให้ ผ้าทอเบญจศรี

1) ประสิทธิภาพการผลิตสูง

2) คุณภาพผลิตภัณฑ์สูง

3) รายได้ผู้ประกอบการ OTOP สูง

ซึ่งจะทำให้ผ้าทอเบญจศรีจังหวัดศรีสะเกษ เพิ่มมูลค่ามากขึ้นและก้าวสู่สากล ซึ่งคณะทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ผ้าฯ ได้ลงพื้นที่กลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านหัวช้าง ไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 เพื่อนำประเด็นการพัฒนาไปขับเคลื่อนเติมเต็มองค์ความรู้ในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอด สินค้าภูมิปัญญาของชาวจังหวัดศรีสะเกษให้เป็นที่ต้องการของตลาด มีรูปแบบสีสันที่ทันสมัยสามารถแข่งขันได้ ให้คนในชุมชนมีรายได้ ที่มั่นคง ยั่งยืน สามารถพึ่งตนเองได้

ท้ายที่สุด นายสรสาสน์ สีเพ็ง ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวทิ้งท้ายว่า เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในด้านต่างๆ อาทิ โครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอด แนวพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ฝากให้ช่วยกันสื่อสาร สร้างการรับรู้ ปลุกกระแสให้เกิดในวงกว้าง สร้างปรากฏการณ์ปลุกกระแส “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ต่อยอด สินค้าภูมิปัญญาของชาวจังหวัดศรีสะเกษให้เป็นที่ต้องการของตลาด มีรูปแบบสีสันที่ทันสมัยสามารถแข่งขันได้ และเป็นการส่งเสริมให้คนในชุมชนมีรายได้ ที่มั่นคง ยังยืน สามารถพึ่งตนเองได้

พัฒนาชุมชนศรีสะเกษ : นครแห่งความสุข

กลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน : รายงาน