“ยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์ ภาพรวมสถานการณ์ยังคงดีขึ้น ผู้ต้องขังรับวัคซีนครบโดสแล้ว 93.3% พร้อมเตรียม EXIT เรือนจำเพิ่มอีก 2 แห่งในวันพรุ่งนี้”

ในวันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 เวลา 08.30 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 84/2564 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีเรือนจำสีขาวอยู่ที่ 127 แห่ง และเรือนจำสีแดง 15 แห่ง ซึ่งในจำนวนดังกล่าว เป็นเรือนจำที่อยู่ระหว่างควบคุมการระบาด 4 แห่ง และที่อยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค (แผน EXIT) ทั้งสิ้น 11 แห่ง ซึ่งจะทยอยพ้นจากการระบาดอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ และทัณฑสถานหญิงนครราชสีมาในวันพรุ่งนี้ (21 ธันวาคม)

ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 23 ราย (พบในห้องแยกกักโรค 22 ราย และเรือนจำสีแดง 1 ราย) โดยไม่มีรายงานการเสียชีวิตติดต่อกัน 8 วันแล้ว ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 878 ราย (กลุ่มสีเขียว 76.3% สีเหลือง 23.4% และสีแดง 0.3%) มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 83,553 ราย หรือ 96.3% ของผู้ติดเชื้อสะสม 86,743 ราย เสียชีวิตสะสม 185 ราย คิดเป็น 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนของกรมราชทัณฑ์ ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือ ครบโดสแล้ว จำนวน 262,979 ราย หรือ 93.3% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 281,716 ราย

นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม ได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ ซึ่งพบว่าสถานการณ์โดยรวมมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลง และจำนวนเรือนจำแพร่ระบาดที่ชะลอตัวลงในระยะนี้ พร้อมได้ติดตามสถานการณ์ของเรือนจำจังหวัดกระบี่ ที่ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยได้ย้ายตัวผู้ต้องขังไปควบคุมยังเรือนจำและทัณฑสถานใกล้เคียง รวมถึงเรือนจำอื่น ๆ ที่มีความพร้อมในการรับตัว ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ส่วนการดำเนินการในด้านอื่นๆ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาสาเหตุและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์อีกครั้ง

ทั้งนี้ ได้กำชับให้เรือนจำและทัณฑสถานเร่งดำเนินการใน 3 ประเด็น เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง รวมถึงลดความตึงเครียดและความตื่นตระหนกต่อสถานการณ์แก่ผู้ต้องขังเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 คือ

1.การให้ความรู้และแนวทางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์แก่ผู้ต้องขัง ผ่านรายการเรื่องเล่าชาวเรือนจำเพื่อเผยแพร่ไปยังเรือนจำและทัณฑสถาน 143 แห่งทั่วประเทศ

2.ให้ผู้บัญชาการเรือนจำและผู้อำนวยการทัณฑสถานทำการสื่อสารเพื่อให้เกิดการรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ รวมถึงแนวทางการปฏิบัติเมื่อเกิดการระบาดขึ้นแก่เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง

3.กำชับให้เรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง ปฏิบัติตามแผนการบริหารความพร้อมต่อสภาวะวิกฤต (BCP) โดยเฉพาะในระยะแรกเมื่อเกิดการระบาดขึ้น ที่ต้องเร่งตรวจคัดกรองหาเชื้อในผู้ต้องขัง รวมถึงการแยกผู้ติดเชื้อ ผู้สัมผัสใกล้ชิด และผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อออกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ควบคุมการระบาดไดอย่างรวดเร็วแล้ว ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นและลดความตื่นตระหนกทั้งต่อญาติและต่อผู้ต้องขังได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัว จำนวน 29 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 1 ราย และเยาวชน 28 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 53 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 3 แห่งพบมีการติดเชื้อ ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชน จำนวน 2,974 ราย หรือคิดเป็น 76.8% จากทั้งหมด 3,872 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 3,907 ราย หรือคิดเป็น 92.76% จากทั้งหมด 4,212 ราย