ในวันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 เวลา 09.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 83/2564 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ พบการระบาดเพิ่มในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ส่งผลให้มีเรือนจำสีขาวลดลงอยู่ที่ 128 แห่ง และเรือนจำสีแดงเพิ่มเป็น 14 แห่ง เป็นเรือนจำที่อยู่ระหว่างควบคุมการระบาด 6 แห่ง (ระบาดใหม่ 4 แห่ง และระบาดซ้ำในแดนบางส่วน 2 แห่ง) มีเรือนจำที่อยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค (แผน EXIT) แล้ว ทั้งสิ้น 8 แห่ง ที่จะทยอยพ้นจากการระบาดในระยะต่อไป
ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 2 ราย เป็นการพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่จากภายนอกทุกราย มีผู้ติดเชื้อที่รักษาหายเพิ่ม จำนวน 34 ราย โดยไม่มีรายงานการเสียชีวิตเป็นวันที่ 2 ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 1,677 ราย (กลุ่มสีเขียว 90.6% สีเหลือง 9% และสีแดง 0.4%) มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 82,148 ราย หรือ 95.4% ของผู้ติดเชื้อสะสม 86,128 ราย เสียชีวิตสะสม 185 ราย คิดเป็น 0.2% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุมได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ ซึ่งพบว่าสถานการณ์โดยรวมเริ่มคลี่คลายลงและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะจำนวนเรือนจำระบาดใหม่ที่ชะลอตัวลง สามารถควบคุมการระบาดภายในเรือนจำได้อย่างเป็นระบบ และมีเรือนจำที่เตรียมพ้นจากการระบาดได้เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าสถานการณ์ในช่วงปลายเดือนธันวาคมนี้จะดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำหรือระบาดในแดนเพิ่มอีก
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลกที่เป็นเรือนจำระบาดใหม่นั้น จากการประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลแม่ข่ายและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อเข้าตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขังทุกราย ด้วยชุดตรวจ ATK พบผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 1,501 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 12 ธันวาคม) ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ต้องขังกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย และได้ให้ยาฟาวิพิราเวียร์ รวมทั้งได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมด้วยบุคลากร ทั้งจากส่วนกลางกรมราชทัณฑ์ เรือนจำในเขตพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนโรงพยาบาลแม่ข่ายและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อวางแผนในการตรวจคัดกรอง คัดแยก และการดูแลรักษาอื่นๆ ตามมาตรฐานทางการแพทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในเร็วๆ นี้
ขณะที่ การบริหารจัดการวัคซีนแก่ผู้ต้องขัง ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่ได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็ม หรือครบโดสแล้ว จำนวน 260,790 ราย หรือ 92.4% ของจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถานทั้งหมด 282,118 ราย
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัว จำนวน 29 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 2 ราย และเยาวชน 27 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 54 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 2 แห่ง ติดเชื้อ ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 3,089 ราย หรือคิดเป็น 78.5 % จากทั้งหมด 3,931 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 3,907 ราย หรือคิดเป็น 92.73% จากทั้งหมด 4,213 ราย
//////////////////////