(9 ธ.ค. 64) เวลา 14.00 น. นายชวินทร์ ศิรินาค รองปลัดกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมรับมอบนโยบายการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดแห่งชาติ จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในงานเปิดแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2565 โดยมี H.E. Mr.Allan McKinnon เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีจากกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ผู้แทนสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก (UNODC) เจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดและอาชญากรรมต่างประเทศประจำประเทศไทย หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนกลางและภูมิภาค พลเรือน ทหาร ตำรวจ ร่วมงาน ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก เขตดินแดง และผ่านระบบออนไลน์
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กระทรวงยุติธรรม ได้ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีมาตรการในการดำเนินการ 5 มาตรการ ดังนี้
1. มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการสกัดกั้นเคมีภัณฑ์ และสารเคมีเข้าสู่แหล่งผลิต และปรามยาเสพติดที่กระจายออกไปสู่ประเทศต่าง ๆ โดยมีการแลกเปลี่ยนข่าวสารและองค์ความรู้ด้านการสืบสวนสอบสวน รวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเน้นแนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศเชิงรุก
2. มาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย โดยนำประมวลกฎหมายยาเสพติดมาใช้บังคับ เพื่อให้การดำเนินการยึดทรัพย์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และนำไปสู่การยึด อายัดทรัพย์สินของผู้ค้ายาเสพติด ตลอดจนการจัดหาอุปกรณ์เทคโนโลยีมาช่วยในการสืบสวน เพื่อให้ทัดเทียมกับการค้ายาเสพติดที่เปลี่ยนไป โดยเน้นแนวทางการสกัดกั้นยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ และแนวทางการปราบปรามกลุ่มการค้ายาเสพติด
3. มาตรการในการป้องกันยาเสพติด โดยการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้านหรือชุมชน แก้ไขปัญหาแบบองค์รวม เพื่อให้เกิดรูปแบบการทำงานที่ยั่งยืน ตลอดจนนำเรื่องยาเสพติดเข้าสู่ระบบการศึกษาในทุกระดับ โดยเน้นแนวทางการเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้านหรือชุมชนตามแนวชายแดน และการพัฒนาทางเลือกแนวทางการป้องกันยาเสพติดในแต่ละกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสมเป็นรูปธรรม และแนวทางการปรับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
4. มาตราการบำบัดรักษายาเสพติด โดยให้ผู้เข้ารับการบำบัดรักษาได้รับการบำบัดรักษาตามประมวลกฎหมายใหม่ และเน้นการใช้ชุมชนบำบัด การจัดหางาน ฝึกอบรมให้ความรู้ รวมถึงการส่งเสริมให้ผู้ผ่านการบำบัดมีความรู้ในสาขาวิชาชีพ ตลอดจนเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปกครอง ช่วยกันดูแลประชาชนไม่ให้กลับไปกระทำผิดซ้ำ มุ่งเน้นแนวทางการดูแลผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ให้เข้าถึงการบำบัดรักษาและการลดอันตรายหรือผลกระทบจากยาเสพติด และ
5. มาตรการบริหารจัดการอย่างบูรณาการ โดยการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาระบบข้อมูลและเทคโนโลยี ตลอดจนงานวิชาการและองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับยาเสพติด โดยแนะแนวทางกิจการพิเศษ และแนวทางการบริหารจัดการอย่างบูรณาการ
อนึ่ง ในวันนี้เป็นวันที่เริ่มบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่เป็นวันแรก ซึ่งได้มีการรวบรวมกฎหมายยาเสพติดที่กระจายอยู่ในบทบัญญัติหลายฉบับเป็นฉบับเดียว เพื่อให้การทำงานสอดคล้องและไม่ซ้ำซ้อนกัน อีกทั้งเพื่อให้ทันสมัยและเป็นสากล สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติให้สอดคล้องกับผลการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหายาเสพติดโลก (United Nations General Assembly Special Session on the world drugs Problem-UNGASS 2016) โดยยึดหลัก “ผู้เสพ” คือ “ผู้ป่วย” การนำพืชเสพติดมาใช้ประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์ และการลงโทษให้เหมาะสมได้สัดส่วนกับพฤติกรรมในการกระทำความผิด สำหรับในส่วนของการปราบปรามยาเสพติด ได้ปรับปรุงให้ดำเนินการตามมาตรการสืบสวนทางการเงิน ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด เพื่อมุ่งเน้นทำลายโครงสร้างหรือเครือข่ายการค้ายาเสพติดที่สำคัญ โดยนำการยึดทรัพย์สินตามมูลค่า (Value-based Confiscation) การกำหนดให้การดำเนินคดีทรัพย์สินไม่ผูกติดกับคดีอาญา มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และการทำลายของกลางยาเสพติดให้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องรอศาลพิพากษาตัดสินคดี เพียงแค่มีผลตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นยาเสพติด ก็สามารถทำลายได้เลย ไม่ต้องเก็บรักษาไว้เหมือนปัจจุบัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปราบปรามยาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพจะต้องบูรณาการร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติด โดยศึกษาเส้นทางการเงิน ยึดทรัพย์ และตัดวงจรการเงิน ทั้งนี้ ขอให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วนทำความเข้าใจประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ พร้อมนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ปฏิบัติงานด้วยความอดทน เสียสละ ซื่อสัตย์สุจริต และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนต่อไป
ด้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในปี 2565 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ตั้งเป้าหมายการดำเนินการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดไว้ที่ 10,000 ล้านบาท เพื่อให้เกิดการทำงานอย่างเข้มแข็ง และกำจัดองค์กรยาเสพติดได้อย่างเด็ดขาดตามที่ตั้งเป้าไว้ โดยจำนวนเงินดังกล่าวจะถูกนำมาเป็นเงินสินบนเพื่อให้รางวัลต่อผู้แจ้งเบาะแส รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานที่นำไปสู่การจับกุมยึดทรัพย์สิน
—————————