วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม 2564 เวลา 13.30 น. นายสุภาพ สุขแก้ว พัฒนาการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมเอามื้อสามัคคี “โคก หนอง นา พช.” โดยมี นางสาวสิริกร นิลกำแหง ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน เครือข่ายองค์กรพัฒนาชุมชน เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนอำเภอและประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรม ณ แปลงนายสมชาย เมฆฉาย บ้านดอนสำโรงเหนือ หมู่ที่ 12 ตำบลหนองหญ้าไซ อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี ในการนี้พัฒนาการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้พบปะและมอบแนวทางในการพัฒนาพื้นที่โคก หนอง นา โมเดล และให้ทุกคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจและน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จและเกิดประโยชน์ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการพัฒนาตนเอง หมู่บ้านและชุมชน
นางสาวอรสา ยนจอหอ พัฒนาการอำเภอหนองหญ้าไซ กล่าวว่าอำเภอหนองหญ้าไซ ได้รับงบประมาณโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง : การพัฒนาศูนย์เรียนรู้ทฤษฎีใหม่รูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ประจำปี 2565 ว่าอำเภอหนองหญ้าไซ โดยมีแปลงขนาด 1 ไร่ 2 แปลง ขนาด 3 ไร่ 3 แปลง รวม 5 แปลง และกิจกรรมกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือน “เอามื้อสามัคคี โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาแปลง ถือเป็นกิจกรรมสร้างภูมิคุ้มกันในสังคม ร่วมเรียนรู้สร้างทักษะผ่านการลงมือปฏิบัติตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ อีกทั้งเป็นการปลูกฝังหลักความรู้คู่คุณธรรม ตามวิถีแห่งหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีการร่วมแรงร่วมใจ แบ่งปัน เอื้อเฟื้อ เสียสละ มีความเพียร จึงขอให้ครัวเรือนนี้เป็นจุดต้นแบบในการขยายผลสู่ครัวเรือนอื่นๆและชุมชนต่อไป
การเอามื้อสามัคคี ถือเป็นการเรียนรู้จากการฝึกปฏิบัติจริง สร้างองค์ความรู้กสิกรรมธรรมชาติ วางแผนทำกิจกรรม แบ่งหน้าที่ แบ่งคน แบ่งงาน และลงมือปฏิบัติจริง ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การห่มดิน ทำปุ๋ยอินทรีย์ การบำรุงดิน การปลูกสมุนไพร การปลูกหญ้าแฝก การปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ปลูกไม้ 5 ระดับ (สูง กลาง เตี้ย เรี่ยดิน กินหัว) จบกิจกรรมด้วยการท่องคาถา “เลี้ยงดิน ให้ดิน เลี้ยงพืช” และการเก็บอุปกรณ์ เมื่อเสร็จจากกิจกรรมลงมือปฏิบัติ ก็จะแบ่งปันร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงานจริง
สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุพรรณบุรี มุ่งส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคง โดยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่มาประยุกต์ใช้จนกลายเป็นวิถีชีวิต ทั้งยังเป็นการพัฒนาคนให้มีความรู้ พึ่งพาตนเอง มีความเป็นเจ้าของร่วมกันพัฒนาหมู่บ้านชุมชนให้มีวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงและเป็นสังคม “อยู่เย็น เป็นสุข” ทั้งนี้ ในการดำเนินกิจกรรมฯ ได้ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด