ชู วิจัยและนวัตกรรม ลดต้นทุนโลจิสติกส์ เหลือร้อยละ 11 ต่อ GDP

สกสว. จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “มองภาพอนาคต ด้านโลจิสติกส์และระบบรางของประเทศ” ชู วิจัยและนวัตกรรม เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อน และลดต้นทุนระบบขนส่งสู่ประเทศในอาเซียน เหลือร้อยละ 11 ต่อ GDP

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2564 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับสถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ โครงการ “การจัดการความรู้และบูรณาการประเด็นเชิงยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ด้านโลจิสติกส์และระบบรางของประเทศ” หัวข้อ “การมองภาพอนาคต (Foresight) ในภาพของ ววน. ด้านโลจิสติกส์และระบบรางของประเทศในอนาคต” ผ่านแอพพลิเคชั่นซูม (Zoom) โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิ และ นักวิชาการ ร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง

โอกาสนี้ ดร.เอก จินดาพล ผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจการพัฒนา ววน. ด้านความสามารถในการแข่งขัน สกสว. กล่าวเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ ว่า การจัดประชุมในครั้งนี้ เป็นการระดมความเห็นที่สามารถสะท้อนภาพอนาคตด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทย และกระบวนการสำคัญในการจัดทำแผนด้าน ววน. ปี 2566-70 ที่ สกสว. ได้ดำเนินการ และอยู่ระหว่างการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยการใช้ฐานความรู้ ความคิดเห็นของภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มาพัฒนาและออกแบบกำหนดเป็นแผนงานการวิจัย โจทย์การวิจัย ที่สามารถเชื่อมโยง และมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 5 ไทยเป็นประตูการค้า การลงทุน และยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค อีกทั้งยังเป็นการยกระดับบทบาทของไทยในห่วงโซ่อุปทานของภูมิภาค โดยให้ความสำคัญกับการเป็นศูนย์กลางคมนาคมและโลจิสติกส์ และการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ รวมถึงความต้องการของประเทศ ประการสำคัญ “โลจิสติกส์” เป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่เชื่อมโยงกับมิติต่างๆ

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.มาโนช โลหเตปานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายถึงการพัฒนาโลจิสติกส์และระบบขนส่งของประเทศไทย ว่า มีความพยายามที่จะลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทย ในปี 2564 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ในประเทศที่กลับมาขยายตัวและการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าสัดส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทยปรับลดลง อยู่ที่ร้อยละ 13.8-14.0 ต่อ GDP อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวยังถือว่า ยังเป็นต้นทุนที่สูงหากเทียบกับประทศต่าง ๆ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ประเทศไทยจะกำหนดเป้าหมายของการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ อีก 10 ปีข้างหน้า ให้ประเทศปรับลดต้นทุงลงเหลืออยู่ที่ร้อยละ 11 ต่อ GDP โดยนับจากปี 2565 ถึงปี 2575 เพื่อให้ไทย เป็นประเทศการค้าการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาค และ ถึงแม้การกำหนดเป้าหมายดังกล่าว จะเป็นเพียงความฝัน แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธารทัศน์ โมกขมรรคกุล สถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย   กล่าวว่า ธนาคารโลก หรือ เวิลด์แบงก์ จัดอันดับด้านโลจิสติกส์ (The Logistics Performance Index หรือ LPI) ประจำปี 2018 จากการสำรวจ 160 ให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีคุณภาพด้านโลจิสติกส์สูงอันดับ 32 ของโลก และ เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน มีคะแนนรวมทั้งสิ้น 3.41 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5.0 จัดอยู่ในอันดับที่ 2 ของอาเซียน รองจากประเทศสิงคโปร์ ที่มีคะแนนรวมทั้งสิ้น 4.00 คะแนน เป็นอันดับ 7 ของโลก และอันดับ 1 ของอาเซียน

สำหรับแนวทางของการรักษาอันดับประเทศที่มีคุณภาพด้านโลจิสติกส์สูงอันดับ 2 ของอาเซียน นั้น ผศ.ดร.ธารทัศน์ นำเสนอผลการตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายนอก (Environmental Scanning) ตามกรอบ PESTEL Analysis ใน 6 มิติ คือ

1. ด้านการเมือง โดยการดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับระบบโลจิสติกส์ ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานของภูมิภาค ให้ความสำคัญกับการขนส่งทางน้ำ และระบบรางมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมระบบขนส่งสมัยใหม่

2. ด้านเศรษฐกิจ เช่น สนับสนุนการนำเทคโนโลยีมาใช้โดยวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs)  สนับสนุนการเข้าถึงทางการเงินผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ปรับปรุงการใช้ข้อมูลแบบเปิดในประเทศสมาชิกอาเซียน สนับสนุนการจัดการข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในประเทศสมาชิกอาเซียน

3. ด้านสังคม เช่น การขยายตัวของเมือง (Urbanization) การเข้าสู่สังคมสูงวัย และ การเพิ่มขึ้นของประชากรชนชั้นกลาง ซึ่งอยู่ในกลุ่มของผู้ประกอบการธุรกิจแบบใหม่

4. ด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ เช่น ระบบอัตโนมัติของเทอร์มินอลคอนเทนเนอร์ การใช้ระบบการจัดการแบบหุ่นยนต์และควบคุมจากระยะไกล

5. ด้านกฎหมาย เช่น ใบอนุญาตผู้ประกอบการทางราง กรอบระยะเวลาในการจัดเก็บสินค้าในคลัง

6. ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การรถไฟพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) เพื่อลดค่าพลังงาน ตามนโยบาย Net Zero Emission ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ นอกจากจะช่วยให้ประเทศไทยรักษาอันดับประเทศที่มีคุณภาพด้านโลจิสติกส์สูงแล้ว ยังทำให้ประเทศไทยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์อีกทางหนึ่งด้วย