วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มอบหมายให้ นายทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุม เพื่อวางแผนการขับเคลื่อนแนวทางเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ของจังหวัดอุบลราชธานี โดยได้รับความเมตตาจากพระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ในฐานะที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้อนุเคราะห์และให้การสนับสนุนงานพัฒนาชุมชนมาโดยตลอด ตามหลัก “บวร” หรือบ้าน วัด ราชการ พร้อมนำเสนอและแนะนำแนวทางในการขับเคลื่อนโครงการฯ โดยขยายผลจากโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พช.” ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพอเพียง ณ ศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ตำบลหัวดอน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี
โดยการประชุมหารือฯ ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ได้แก่ นายคมกริช ชินชนะ พัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี นางอังคณา บุญสาม เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุบลราชธานี นางณภัค เทียนชัย ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุบลราชธานี นายวิลาศ บุญโต ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนอุบลราชธานี นางรัตนากร ฑีฆธนานนท์ ประธานบริษัทประชารัฐรักสามัคคีอุบลราชธานี (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด นางอรัญญา แววศรี ปลัดอำเภอผู้แทนนายอำเภอเขื่องใน นางวริชา เสาทอง พัฒนาการอำเภอเขื่องใน ผู้แทนผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี เครือข่าย “กินสบายใจอุบล” EarthSafe มูลนิธิรักษ์ดินรักษ์น้ำ นายธงชัย ครุฑแสน ผู้อำนวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี เข้าร่วมหารือแนวทางในการขยายผลโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” และผู้ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตลอดจนจัดหาตลาดให้แก่ผู้ที่สนใจเข้าร่วมจำหน่ายสินค้า ผลผลิตจากเกษตรอินทรีย์และอาหารปลอดภัย ร่วมกับคณะทำงานด้านพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3)
โอกาสนี้ นายทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้เปิดเผยว่า “รัฐบาลได้มีแนวทางการขับเคลื่อนแนวทางเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีบทบาทสำคัญในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่ประชาชนตามแนวทางของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นหน่วยงานหลักขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่ จึงได้เสนอการขับเคลื่อนแนวทางเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) โดยภาครัฐจะได้สนับสนุนการจ้างงาน โครงสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์พื้นฐาน อำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ที่จำเป็น ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนต่างๆในพื้นที่ ภาควิชาการในพื้นที่ร่วมพัฒนาและยกระดับทรัพยากรมนุษย์ ต่อยอดด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมที่เหมาะสม โดยมีภาคเอกชนร่วมสนับสนุนการบริหารงานโครงการ วางแผน พัฒนาและต่อยอดผลผลิตต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากความสมบูรณ์ของการพัฒนาพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการกระจายความเจริญโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีศักยภาพในกรพัฒนา พื้นที่ประสบปัญหาภัยพิบัติซ้ำซาก และใช้โอกาสจากภาคแรงงานที่มีทักษะและศักยภาพที่ประสบกับปัญหาการเลิกจ้างจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่กลับไปยังบ้านเกิดเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาพื้นที่เป้าหมาย ด้วยการให้ความรู้ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงหรือทฤษฎีใหม่ ควบคู่กับการศึกษาถึงรากเหงาภูมิปัญญาดั้งเดิม และเพิ่มพูนด้วยชุดความรู้ทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาของพื้นที่และภูมิสังคม เพื่อพัฒนาหรือยกระดับเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ เพื่อขจัดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเสริมสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ภายในปี 2030″
ทางด้าน นายคมกริช ชินชนะ พัฒนาการจังหวัดอุบลราชธานี ได้นำเสนอข้อมูลพื้นที่ของจังหวัดฯ ซึ่งมีความพร้อมในการดำเนินงานและสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ และได้มีการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมการดำเนินงานเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่รอบบริเวณศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ตำบลหัวดอน และบ้านเอ้ ตำบลก่อเอ้ อำเภอเขื่องใน, วัดป่าศรีแสงธรรม บ้านดงดิบ ตำบลห้วยยาง อำเภอโขงเจียม, ดอนป่าติ้ว บ้านโนนมะเขือ ตำบลกาบิน อำเภอกุดข้าวปุ้น และพื้นที่อำเภอต่างๆ ที่น่าสนใจ นอกจากนั้น ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ยังได้นำเสนอแนวทางความร่วมมือและการจัดสรรพื้นที่เป็น 3 แนวทางคือ 1)การรับสมัครบุคคลทั่วไปเพื่อเป็นการขยายผลและต่อยอดกับโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พช.” ในเขตเศรษฐกิจพอเพียง 2)การกำหนดพื้นที่ในลักษณะเขตพื้นที่เพื่อให้ผู้ด้อยโอกาสสามารถมาใช้ชีวิตตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ และ 3)การบูรณาการขับเคลื่อนงานร่วมกับส่วนราชการต่างๆ ทุกหน่วยงานในภาพรวมของจังหวัด โดยไม่แบ่งว่าเป็นงานของกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น นอกจากนั้น ยังความร่วมมือคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อสนับสนุนงานนโยบายสำคัญให้ประสบผลสำเร็จสมกับที่ได้รับการชื่นชมและยกย่องให้เป็นต้นแบบและแนวหน้าในการขับเคลื่อนงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปยังทั่วประเทศ”
ขณะที่ พระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวอำนวยอวยพร ตลอดจนให้ข้อมูลและเสนอแนวทางการส่งเสริมคุณภาพ มาตรฐาน ผลผลิต และการตลาด เพื่อสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พช.” ในจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีคณะทำงาน 7 ภาคี และทุกท่านที่มาร่วมประชุมฯ ได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนโครงการฯ และกิจกรรมดังกล่าว ร่วมกับคณะทำงานเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ (E3) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป