วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เวลา 15.30 น. นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์และผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ณ ห้องประชุมข้าวหอมมะลิ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายชูศักดิ์ ราชบุรี ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด นายเกรียงไกร จิตธรรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
ในการนี้ ที่ประชุมได้หารือเรื่อง การติดตามสภาวะอากาศ การติดตามสถานการณ์น้ำและสถานการณ์ในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำเสียวใหญ่ และสถานการณ์ในอำเภอต่างๆที่ได้รับผลกระทบด้านการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ และสิ่งแวดล้อม
นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า จังหวัดร้อยเอ็ดมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จำนวน 11 อำเภอ 56 ตำบล 388 หมู่บ้าน 12,184 ครัวเรือน 106,800 ไร่ และให้เกษตรอำเภอออกสำรวจพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย เนื่องจากการที่จะลงไปช่วยเหลือได้นั้น จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ในการให้ความช่วยเหลือ อำเภอใดที่ได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติแล้ว ทางเกษตรจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด และประมงจังหวัดจึงจะสามารถเข้าไปให้ความช่วยเหลือได้ ซึ่งให้ทั้ง 3 หน่วยงานประสานข้อมูลกับทางป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัด เพื่อจะได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ และให้หน่วยงานหลักเตรียมความพร้อมด้านการเผชิญเหตุ ได้แก่ นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ให้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ครอบคลุมพื้นที่จุดเสี่ยง โดยบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ เน้นย้ำด้านการอพยพประชาชน โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบาง (เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง ฯลฯ) เป็นอันดับแรก การขนย้ายสิ่งของจำเป็นและสัตว์เลี้ยง การเคลื่อนย้าย ผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้ป่วยที่มีโรคเรื่อรังในพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังจุดปลอดภัย และให้อำเภอธำรงการสื่อสารให้สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง และช่วยกันสร้างการรับรู้และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้ออกมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่ยอมออกมาจากที่อยู่อาศัยของตัวเอง โดยยึดหลักความปลอดภัย และจุดอพยพควรจะอยู่บริเวณจุดใดในการอพยพหากเกิดสถานการณ์ขึ้นในพื้นที่ ให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุฯ หากเกินขีดความสามารถ ให้รายงานจังหวัดทราบโดยเร่งด่วน เพื่อจะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป