รมช.ประภัตร นำทีมกระทรวงเกษตรฯ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาชาวนาจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมสั่งการเร่งหาวิธีช่วยเหลือเกษตรกรที่ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรไม่ทัน หลุดหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ที่เพาะปลูกข้าว ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วไม่สามารถปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้ทัน ก่อนเกิดอุทกภัย ตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉน พ.ศ. 2564 โดยมีนายปรีชา ทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้นำภาคประชาชน เข้าร่วมหารือ
รมช.ประภัตร กล่าวว่า ปัญหาในขณะนี้ คือ เกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวได้ทำการขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้แล้ว แต่ไม่ได้ปรับปรุงทะเบียน หรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรไม่ทัน โดยตามระเบียบฯ เกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร โดยสามารถขึ้นได้ตลอด แต่การแจ้งปรับปรุงทะเบียน สามารถทำได้ ตั้งแต่เริ่มเพาะปลูกแล้ว (หว่าน) 15 – 60 วัน ซึ่งหากไม่ได้แจ้งปรับปรุงไว้ก็ไม่สามารถรับการให้ความช่วยเหลือได้ แต่ปัญหาของจังหวัดสุพรรณบุรี คือ หลังเกษตรกรเริ่มเพาะปลูกได้ไม่นาน ยังไม่ได้ปรับปรุงทะเบียน เกิดอุทกภัยขึ้นก่อน และทางจังหวัดได้ดำเนินการประกาศเขตภัยพิบัติไปแล้ว ทำให้พื้นที่สุพรรณบุรี ทั้ง 10 อำเภอ มีเกษตรกรที่ไม่ได้ปรับปรุงทะเบียนจำนวนมาก ทั้งนี้ หลังจากรับฟังปัญหา และหารือในเบื้องต้นแล้วรมช.ประภัตรจึงได้สั่งการให้ นายวีรศักดิ์ บุญเชิญ เกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าร่วมประชุมกับกรมส่งเสริมการเกษตร และตัวแทนเกษตรกรจากจังหวัดลพบุรี ซึ่งประสบปัญหาในลักษณะเดียวกัน ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บ่ายวันนี้ เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ให้ได้ข้อสรุป และเร่งให้การช่วยเหลือ เยียวยาเกษตรกรโดยเร็ว
“จังหวัดสุพรรณบุรีทั้ง 10 อำเภอ ประสบปัญหาอุทกภัย นาข้าวได้รับความเสียหายจำนวนมาก แต่ตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉน พ.ศ. 2564 มีข้อหนึ่งที่ระเบียบเขียนไว้ว่า ให้ดำเนินการช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร และปรับปรุงทะเบียนแล้ว ทำให้เกษตรกรจังหวัดสุพรรณบุรีจำนวนมาก ไม่สามารถเข้าตามกฏเกณฑ์ได้ โดยสถานนี้เกิดขึ้นหลายจังหวัด อาทิ ลพบุรี อ่างทอง และอีกหลายจังหวัด ดังนั้น ผมจึงมาเปิดประชุม รับฟังปัญหาวันนี้ที่สุพรรณบุรี ลดภาระของเกษตรกร ไม่ต้องเดินทางไปที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งก็จะให้เกษตรจังหวัดสุพรรณบุรีนำทุกปัญหา ไปร่วมประชุมบ่ายวันนี้ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีกรมส่งเสริมการเกษตร จัดการประชุม เรื่องการเยียวยาที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ ว่าจะมาสารถแก้ไข หรือหาวิธีช่วยเหลือเกษตรกรให้กลับมาเข้าเกณฑ์สำหรับรับการเยียวยาได้อย่างไร ดังนั้น ขอให้รอผลการประชุมของกรมส่งเสริมการเกษตรก่อน ผมมั่นใจว่าทุกส่วนราชการ เข้าใจความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร ขอให้อุ่นใจว่ากระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ ทุกหน่วยงานในสังกัด จะทำ จะหาวิธีอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ” รมช.ประภัตร กล่าว
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 สำหรับด้านพืชนั้น ให้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ เป็นเงิน ดังนี้ กรณีมีพืชตายหรือเสียหาย จนไม่สามารถฟื้นฟู หรือเยียวยาให้กลับมาสู่สภาพเดิมได้อีก ให้ช่วยเหลือตามจำนวนพื้นที่เพาะปลูกที่เสียหายจริง ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ สำหรับชาวนาที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรถูกต้องแล้ว จะได้รับการข่วยเหลือเยียวยา ไร่ละ 1,340 บาท

