วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา 09.00 น. นายโสภณ สุวรรณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานในการจัดกิจกรรม “เอามื้อ เอาแฮง ร่วมแรงสามัคคีไทเลย”โดยมีนายคมสิทธิ์ สุริยวรรณ พัฒนาการจังหวัดเลย พร้อมด้วยผู้อำนวยการกลุ่มงานทุกกลุ่มงาน พัฒนาการอำเภอเมืองเลย เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเลย สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองเลย เทศบาลตำบลนาโป่ง นักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ภาคีเครือข่าย และผู้สนใจเข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตประยุกต์สู่ โคก หนอง นา ร่วมกิจกรรม เอามื้อสามัคคี ณ แปลงนางนิรันดร์ ประทุม บ้านติ้วน้อย หมู่ที่ ๕ ตำบลนาโป่ง อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย
นายโสภณ สุวรรณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้กล่าวว่า ตามที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้พระราชทานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไว้ ขอให้เราทุกคนได้น้อมนำมาประยุกต์ใช้ นอกจากนี้ทางกรมการพัฒนาชุมชน ได้น้อมนำหลักการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์สู่การปฏิบัติผ่านโครงการ โคก หนอง นา เพราะตระหนักว่าโครงการดังกล่าว สามารถทำให้ประชาชน พอกิน พอใช้ และพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง ซึ่งการทำ โคก หนอง นา หากประชาชนยังไม่ลงมือปฏิบัติก็จะไม่เห็นประโยชน์ ดังนั้นจึงต้องลงมือทำเอง จะได้พิสูจน์ว่าทฤษฎีนี้ทำได้จริง โดย โคก หนอง นา ประกอบด้วยการทำโคกคือ นำดินที่ขุดทำหนองน้ำนั้นมาทำโคก บนโคกปลูก ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ไม้ 5 ระดับ ปลูกพืช ผักสวนครัว เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ ปลูกที่อยู่อาศัย
หนองน้ำคือ การขุดหนองเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามฤดูแล้ง ขุดคลองระบายน้ำรอบพื้นที่ เพื่อให้น้ำกระจายเต็มพื้นที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดิน และการทำนาให้ปลูกข้าวอินทรีย์พื้นบ้าน ฟื้นฟูดิน ด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ยั่งยืน ยกคันนาให้มีความสูงและกว้าง เพื่อใช้เป็นที่รับน้ำยามน้ำท่วม ปลูกพืชอาหารตามคันนา และวันนี้ได้มาร่วมกันเกี่ยวข้าวด้วยการเอามื้อสามัคคี ซึ่งการเอามื้อสามัคคี ไม่ใช่แต่การเกี่ยวข้าวเพียงอย่างเดียว เราสามารถเอามื้อได้ในเรื่องการสร้างบ้าน ปลูกต้นไม้ในพื้นที่สาธารณะ การช่วยเหลืองานในด้านต่างๆ และองค์ความรู้ที่ได้จากแปลงต้นแบบในวันนี้ และอยากให้ทุกคนนำไปประยุกต์ใช้ คือการปรับปรุงดินตามแนวทางเกษตรอินทรีย์ โดยการใช้แหนแดงและเปลือกถั่วลิสงมาห่มดินที่ได้จากการขุดหนอง ซึ่งเป็นดินที่ขาดแร่ธาตุและความสมบูรณ์ กลายเป็นดินที่มีความสมบูรณ์ สามารถปลูกพืชให้มีความเจริญเติบโต
นายคมสิทธิ์ สุริยวรรณ พัตนาการจังหวัดเลย ได้กล่าวถึง การส่งเสริมแปลง โคก หนอง นา แห่งนี้ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ฝึกอบรมแก่ผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการ รวมทั้งเป็นการบูรณาการ สนับสนุนพื้นที่จากทั้ง 7 ภาคี ได้แก่ ราชการ ภาคการศึกษา ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ศาสนา และสื่อมวลชน ซึ่งในวันนี้มีกลุ่มเยาวชนและชุมชนท่องเที่ยวนวัตวิถี บ้านนาหนาด ได้มาศึกษาเรียนรู้ เพื่อนำไปปรับใช้ในการพัฒนาชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และวัฒนธรรม โดยในการจัดกิจกรรมได้รับความร่วมมือจากเทศบาล ต.นาโป่งและทีมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ต.นาโป่ง ในการเตรียม พื้นที่และนำคนเข้าร่วมกิจกรรม เอามื้อ เอาแฮง ก่อให้เกิดเป็นเครือข่ายการเรียนรู้และนำไปใช้ในการดำรงชีวิตตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
สำหรับแปลงครัวเรือนต้นแบบของนางนิรันดร์ ประทุม นับได้ว่าเป็นแปลงที่ประสบความสำเร็จแปลงหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจน ภายใต้การดำเนินงานสนับสนุนและส่งเสริมของจังหวัดเลย โดยนางนิรันดร์ได้กล่าวว่า พื้นที่ใช้ในการทำการเกษตรมีทั้งหมด 10 ไร่ แต่พื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการมีจำนวน 3 ไร่ ซึ่งภายในแปลงมีการทำเกษตรแบบผสมผสาน มีการขุดบ่อเลี้ยงปลา มีการทำปุ๋ยหมัก แปลงผักปลอดสารพิษ นาข้าวและปลูกพืช ผักผลไม้ สมุนไพร นานาชนิด ซึ่งแต่ก่อนตนเคยทำงานในกรุงเทพฯ ใช้ชีวิตท่ามกลางความเสี่ยงในหลายๆ ด้านและเป็นโรคภูมิแพ้ จึงคิดกลับบ้านมาทำการเกษตรในแบบวิถีของตนเอง แต่ก็ได้ประสบปัญหาเรื่องของน้ำในการทำการเกษตรที่ไม่เพียงพอ แต่เมื่อได้รับโอกาสจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเลย ให้เข้าร่วมโครงการโคก หนอง นา มาให้ความรู้ ส่งเสริม สนับสนุนและช่วยฟื้นฟูพื้นที่ให้มีความสมบูรณ์ เป็นแหล่งสร้างรายได้ ให้กับครอบครัว ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โรคที่เคยเป็นก็หาย จากการที่ได้อยู่กับสิ่งแวดล้อมที่บริสุทธิ์ และสุดท้าย รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในรูปแบบโคก หนอง นา มาประยุกต์สู่ครอบครัว และรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงสืบสาน รักษาและต่อยอดพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้ได้เรียนรู้หลักทฤษฎีใหม่และได้ชีวิตใหม่ นับตั้งแต่วันที่เริ่มดำเนินโครงการช่วงเดือนเมษายน 2564 ณ ผ่านมา 7 เดือน ความอุดมสมบูรณ์เริ่มมีมาให้เห็น พืชพันธุ์นานาชนิดเกิดขึ้นตามธรรมชาติเป็นแหล่งอาหารให้ทั้งพืชทั้งคนและสัตว์ได้อยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลเป็นระบบนิเวศ สร้างความยั่งยืนให้ผืนแผ่นดิน สร้างอาหาร สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างความรักความผูกพัน สร้างเศรษฐกิจฐานรากมั่งคง และพึ่งตนเองได้ ในวันนี้ได้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ เห็นท้องทุ่งนาที่เขียวขจี เห็นบ่อน้ำที่เต็มไปด้วยปลา เห็นคุณภาพชีวิตของคนในครัวเรือนมีความสุข เป็นบทพิสูจน์แล้วว่า ศาสตร์ความพอเพียง ศาสตร์แห่งพระราชา ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ดำริสร้างไว้ให้ประชาชนชาวไทย เป็นศาสตร์ที่สร้างความสุข สร้างรอยยิ้ม สร้างความสามัคคี สร้างความมั่นคง ความมั่งคั่ง และความยั่งยืน ให้กับคุณภาพชีวิตโดยแท้จริง
เมื่อเสร็จจากกิจกรรมลงมือปฏิบัติก็มีรับประทานอาหารร่วมกัน ล้อมวงสนทนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบ่งปันความรู้สึกดี ๆ เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้ทำจริง ซึ่งนอกจากจะได้มีการพัฒนาพื้นที่ของครัวเรือนต้นแบบตามหลักกสิกรรมธรรมชาติแล้ว ยังก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่แท้จริงจากการฝึกปฏิบัติของผู้เข้าร่วมเอามื้อสามัคคีทุกคน เกิดเครือข่ายเอามื้อสามัคคีของครัวเรือนต้นแบบ ที่จะคอยช่วยเหลือกันเอามื้อสามัคคีในแปลงอื่น ๆ ในพื้นที่เครือข่าย ซึ่งจะก่อให้เกิดความสามัคคีปรองดองกันช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน สามารถเป็นพลังของชุมชนที่เข้มแข็งได้ พร้อมรับมือกับปัญหาด้านต่างๆ ได้ และที่สำคัญคือมีการปรับทัศนคติให้ประชาชนได้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาการได้รับการเรียนรู้ตลอดเวลาตลอดชีวิต
การจัดกิจกรรมครั้งนี้ ได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และมาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19)ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 (COVID-19)อย่างเคร่งครัด